คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำการโฆษณาอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายโดยตรงเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลย และมีอำนาจฟ้องส่วนที่โจทก์เขียนบทความไปโฆษณาหนังสือพิมพ์ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นประมาทจำเลยหรือไม่ก็เป็นการกระทำซึ่งแยกได้เป็นคนละตอนกับการกระทำของจำเลยไม่มีผลให้โจทก์มิใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์โดยโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูก ประชาชนดูหมิ่นและเกลียดชังขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๖, ๓๒๘ (มาตรา ๓๒๖ ปรับบทเกินมา) ให้ลงโทษปรับ ๖๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ ๙ วรรค ๔ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์มิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย เพราะเป็นผู้กระทำต่อจำเลยก่อนจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วว่าจำเลยเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์โจทก์เคยเป็นตัวแทน จำหน่ายหนังสือพิมพ์ของจำเลยอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ โจทก์ค้างชำระค่าหนังสือพิมพ์ของจำเลยจำเลยทวงถามหลายครั้งก็ไม่ชำระจึงแต่งตั้งให้คนอื่นเป็นผู้จำหน่ายหนังสือพิมพ์แทน โจทก์เขียนบทความไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์ภาษาจีนฉบับหนึ่งจำเลยจึงได้ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของจำเลยมีข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์แล้ววินิจฉัยว่าที่จำเลยทำการโฆษณาอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์นั้นถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายโดยตรงเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลย และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๘(๒) ส่วนที่โจทก์ได้เขียนบทความไปโฆษณาในหนังสือพิมพ์ก่อน ไม่ว่าการกระทำของโจทก์นั้นจะเป็นการหมิ่นประมาทจำเลยหรือไม่ก็ตามก็เป็นการกระทำซึ่งแยกได้เป็นคนละตอนกับ การกระทำของจำเลย ไม่มีผลให้โจทก์มิใช่เป็นผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังข้อฎีกาของจำเลย
พิพากษายืน

Share