แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินที่ติดต่อกับอาคารพาณิชย์สองชั้นครึ่งที่จำเลยเป็นเจ้าของและก่อสร้างผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลนที่จำเลยได้รับอนุญาต และถูกกระทบกระเทือนเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลยดังกล่าว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 73 และมีอำนาจฟ้องคดีนี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 31, 40, 42, 65, 67, 70, 72, 73 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 และสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารพาณิชย์ของจำเลยตามฟ้องส่วนที่ก่อสร้างห่างจากเขตที่ดินของโจทก์น้อยกว่า 2 เมตร
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว คดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 31, 42, 65, 70, 72, 73 ส่วนข้อหาอื่นให้โจทก์ไปยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาพิพากษาต่อไป
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 31, 65 การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรม ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าตามมาตรา 70 จำคุก 4 เดือน และปรับ 80,000 บาท และปรับอีกวันละ 800 บาท นับแต่วันที่ 25 มีนาคม 2552 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 เป็นเวลา 341 วัน เป็นเงิน 272,800 บาท และต่อไปจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 40,000 บาท และปรับอีกวันละ 400 บาท เป็นเวลา 341 วัน เป็นเงิน 136,400 บาท และต่อไปจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดเวลา 2 ปี (ที่ถูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56) หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 73 บัญญัติว่า “ในกรณีมีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรืออาคารที่อยู่ใกล้ชิดหรือติดต่อกับอาคารที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นหรือบุคคลซึ่งความเป็นอยู่หรือการใช้สอยที่ดินหรืออาคารถูกกระทบกระเทือนเนื่องจากการกระทำความผิดดังกล่าว เป็นผู้เสียหายตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา” ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินที่ติดต่อกับอาคารพาณิชย์สองชั้นครึ่งที่จำเลยเป็นเจ้าของและก่อสร้างผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลนที่จำเลยได้รับอนุญาต และถูกกระทบกระเทือนเนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลย โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามบทบัญญัติดังกล่าว และมีอำนาจฟ้องคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยังไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาพิพากษาใหม่เพื่อให้การวินิจฉัยเป็นไปตามลำดับศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2) ประกอบมาตรา 225
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี