คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมโดยกล่าวในฟ้องอ้างว่าลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมืออันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรม และว่าถึงแม้จำเลยจะพิสูจน์ได้ว่าลายพิมพ์นิ้วมือดังกล่าวเป็นลายพิมพ์นิ้วมืออันแท้จริงของผู้ทำพินัยกรรม ก็เป็นลายพิมพ์นิ้วมือที่พิมพ์ลงในขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมถูกกลฉ้อฉล, ข่มขู่, ในขณะเสพสุราจนเมามายไม่สามารถครองสติได้ หรือขณะที่จริตวิกล กล่าวคือสติวิปลาศ ไม่รู้สึกผิดชอบ ความจำฟั่นเฟือนและหลงไหล หรือได้ถูกพิมพ์ลงขณะที่ผู้ทำพินัยกรรมได้ถึงแก่กรรมแล้ว เช่นนี้ เป็นฟ้องที่แสดงข้อหาเป็นหลายนัย ขัดแย้งกันในตัว เป็นฟ้องเคลือบคลุม ศาลต้องยกฟ้อง (อ้างฎีกาที่ 51/2487 และ 493/2495)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมของนายเชยผู้ตาย โดยกล่าวในฟ้องอ้างว่าลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมืออันแท้จริงของนายเชย และว่าถึงแม้จำเลยจะพิสูจน์ได้ว่าลายพิมพ์นิ้วมือดังกล่าวเป็นลายพิมพ์นิ้วมืออันแท้จริงของนายเชย ก็เป็นลายพิมพ์นิ้วมือที่พิมพ์ลงในขณะที่นายเชยถูกกลฉ้อฉล ข่มขู่ในขณะเสพสุราจนเมามายไม่สามารถครองสติได้ หรือขณะที่มีจริตวิกล กล่าวคือสติวิปลาศ ไม่รู้สึกผิดชอบ ความจำฟั่นเฟือนและหลงใหลหรือได้ถูกพิมพ์ลงขณะที่นายเชยได้ถึงแก่กรรมแล้ว จึงเป็นพินัยกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยสู้ว่าพินัยกรรมนั้นชอบด้วยกฎหมายและตัดฟ้องว่า โจทก์ฟ้องเคลือบคลุม โดยเสนอสภาพแห่งข้อหาที่สำคัญเป็นหลายสถาน
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตามป.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๔
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานและวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ตั้งประเด็นขึ้นหลายนัย ไม่แน่นอน ขัดแย้งกัน จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะไม่แสดงข้อหาให้ชัดเจนตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๗๒ วรรค ๒ อ้างฎีกาที่ ๔๙๓/๒๔๙๕ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนและอ้างฎีกาที่ ๕๑/๒๔๘๗ ประกอบอีกคดีหนึ่ง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์แสดงข้อหาเป็นหลายนัยขัดแย้งกันในตัว จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๗๒ วรรค ๒ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันยกฟ้องโจทก์โดยอ้างบทกฎหมายและคำพิพากษาฎีกาสองเรื่องสนับสนุนมานั้น ชอบด้วยรูปคดีแล้ว พิพากษายืน

Share