คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางแยกนั้นมิได้หมายความ.เฉพาะบริเวณตรงที่ถนนอันเป็นทางตามความหมายของพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตัดผ่านกันเท่านั้น แต่หมายความรวมตลอดถึงตรงบริเวณที่มีถนนซอยเป็นทางแยกจากถนนอีกสายหนึ่งด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๑๓ เวลากลางวัน จำเลยได้ขับขี่รถยนต์ด้วยความประมาท ขณะที่จำเลยขับรถมาถึงปากซอยโยธีอันเป็นการขับผ่านทางแยกตามกฎหมายกำหนดให้ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่จำเลยขับรถด้วยความเร็วไม่น้อยกว่า ๖๘.๑๘กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งไม่มองดูข้างหน้าให้เห็นความปลอดภัยเสียก่อนขณะนั้นนายประพนธ์ขับรถยนต์สวนทางมา และมาเลี้ยวขวาเพื่อจะเข้าถนนซอยโยธี ด้วยความประมาทรถจำเลยจึงชนรถของนายประพนธ์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพุทธศักราช ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙(๔),๖๖ และพระราชบัญญัติจราจรทางบก(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๗, ๑๓ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ พ.ศ. ๒๕๐๙ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช ๒๔๗๗ ข้อ ๑๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙(๔), ๖๖ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๗, ๑๓ กฎกระทรวงมหาดไทยฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๐๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบกพุทธศักราช ๒๔๗๗ ข้อ ๑๐ ให้ปรับจำเลย ๕๐๐ บาท จำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์ และพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ปรับจำเลย ๒๐๐ บาท นอกจากที่แก้ไข ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ ๒(๑) และ (๒) ที่จำเลยฎีกาว่าจุดที่เกิดเหตุ คือซอยโยธี ไม่ใช่ทางแยกตามกฎหมาย เมื่อที่เกิดเหตุมิใช่ทางแยก ข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแสดงว่านายประพนธ์ขับรถตัดหน้ารถยนต์ของจำเลยในทางที่มิใช่ทางแยกในระยะน้อยกว่า ๑๕ เมตรอันเป็นการผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบกเสียเอง จะลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช ๒๔๗๗มาตรา ๔(๕) วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ทาง” หมายความว่า ทางหลวง ทางราษฎร์และถนน คือทางรถ ทางเท้า ช่องทาง ลาน ทางร่วม และทางข้ามสะพานบรรดาที่มหาชนมีสิทธิสัญจรและอยู่ในความกำกับตรวจตราของพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเทศบาล แต่ไม่หมายความตลอดถึงทางรถไฟ ฉะนั้น ณ บริเวณตรงที่ถนนอันเป็นทางตามความหมายของกฎหมายดังกล่าวมาตัดผ่านกัน ก็ย่อมเป็นทางร่วม ทางแยกจริงดังที่จำเลยยกขึ้นกล่าวในฎีกาแต่จะมีให้มีความหมายรวมตลอดถึงตรงที่ที่มีถนนซอยเป็นทางแยกจากถนนอีกสายหนึ่งด้วยนั้น ไม่ถูกต้อง เมื่อมีถนนซอยไปจากอีกถนนหนึ่งก็มีความหมายตามธรรมดาว่าแยกไปทางถนนซอยนั้นได้ เมื่อถนนซอยโยธีเป็น “ทาง” ประกอบกับเป็นทางแยกจากถนนพระราม ๖ เช่นนี้ ตรงที่เกิดเหตุจึงเป็นทางแยก ซึ่งจำเลยจะต้องเดินรถให้ช้าลงพอควร ตามมาตรา ๑๓ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ข้อโต้เถียงของจำเลยที่ว่าเมื่อมิใช่ทางแยก และนายประพนธ์ขับรถในทางที่มิใช่ทางแยก กระทำความผิดเสียเองจึงลงโทษไม่ได้ ย่อมตกไปด้วย
พิพากษายืน

Share