คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลล่างรวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสามกระทงก่อนแล้วจึงลดโทษนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อลดโทษจำคุกแต่ละกระทงแล้วมีเศษเป็นเดือน การนับโทษจำคุกเป็นเดือนต้องนับสามสิบวันเป็นหนึ่งเดือน แต่การนับโทษจำคุกเป็นปีต้องนับตามที่ปฏิทินราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสอง ดังนั้น หากกำหนดโทษจำคุกเป็นเดือนเมื่อรวมโทษจำคุกได้ 12 เดือน จำเลยย่อมได้รับโทษจำคุก 360 วัน แต่ถ้ารวมโทษเป็น 1 ปี จะได้รับโทษจำคุก 365 วันหรือ 366 วัน เห็นได้ว่า หากรวมโทษจำคุกจากเดือนเป็นปีย่อมเป็นผลร้ายแก่จำเลยมากกว่า จึงต้องลดโทษให้จำเลยทุกกระทงก่อนแล้วรวมโทษจำคุก ในส่วนที่เป็นเดือนคงให้เป็นเดือนต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2542 เวลากลางวันจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 7 เม็ด น้ำหนักสุทธิ 0.63 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวบางส่วนจำนวน 2 เม็ด เป็นเงิน 120 บาท แก่ผู้ล่อซื้อ และร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนกฎหมายเหตุเกิดที่ตำบลเหมืองหม้ออำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมกับยึดเมทแอมเฟตามีน 7 เม็ด ซึ่งหมดไปในการตรวจพิสูจน์และเงิน100 บาท ที่ใช้ล่อซื้อเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 57, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83 และคืนเงิน 100 บาทแก่เจ้าของ

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง, 57, 91 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ5 ปี ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 5 ปีฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ11 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งคงลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี 6 เดือน คืนเงิน 100 บาทแก่เจ้าของ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…แต่ที่ศาลล่างทั้งสองรวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสามกระทงก่อนแล้วจึงลดโทษนั้นไม่ถูกต้องเพราะเมื่อลดโทษจำคุกแต่ละกระทงแล้วมีเศษเป็นเดือน การนับโทษจำคุกเป็นเดือนต้องนับสามสิบวันเป็นหนึ่งเดือน แต่การนับโทษจำคุกเป็นปีต้องนับตามปีปฏิทินในราชการ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 21 วรรคสอง ดังนั้น หากกำหนดโทษจำคุกเป็นเดือนเมื่อรวมโทษจำคุกได้ 12 เดือน จำเลยที่ 1 ย่อมได้รับโทษจำคุก360 วัน แต่ถ้ารวมโทษเป็น 1 ปี แล้ว จำเลยที่ 1 จะได้รับโทษจำคุก365 วัน หรือ 366 วัน แล้วแต่กรณี เห็นได้ว่าหากรวมโทษจำคุกจากเดือนเป็นปีย่อมเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า จึงต้องลดโทษให้จำเลยที่ 1 ทุกกระทงก่อนแล้วรวมโทษจำคุกในส่วนที่เป็นเดือนคงให้เป็นเดือนต่อไป ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1ได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ยกขึ้นฎีกา และกรณีเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาได้ด้วย”

พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อลดโทษให้จำเลยทั้งสองคนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน และลงโทษฐานเสพเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 6 เดือน รวมลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี18 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share