คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1034/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งข้าหลวงประจำจังหวัดมีข้อความว่า “ขอตั้งปลัดจังหวัดและผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตหรือผู้แทนนั่งทำการสอบสวนเรื่องนี้พร้อมด้วยนายอำเภอเมืองภูเก็ต สอบสวนดำเนินคดีตามหน้าที่พนักงานสอบสวน” ดังนี้ เป็นการสั่งให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้เป็นคดีอาญาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
นายอำเภอเมืองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนอยู่ด้วยตนเองแล้ว แม้จะมีผู้อื่นมานั่งร่วมทำการสอบสวนด้วยการสอบสวนนั้นก็สมบูรณ์ใช้ได้ตามกฎหมาย(อ้างฎีกา45/2490)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยเป็นปลัดอำเภอยักยอกเงินค่าใบอนุญาตการพนันซึ่งอยู่ในหน้าที่ของจำเลย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 135, 137 จำเลยปฏิเสธ และตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ เพราะยังไม่มีการสอบสวนชอบด้วยกฎหมาย ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 135 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อัยการฟ้องคดีโดยยังไม่มีการสอบสวน พิพากษากลับให้ยกฟ้องผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่า คดีนี้มีการสอบสวนถูกต้องแล้ว ควรวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำสั่งข้าหลวงประจำจังหวัดมีข้อความว่า “ขอตั้งปลัดจังหวัดและผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตหรือผู้แทนนั่งทำการสอบสวนเรื่องนี้พร้อมกับนายอำเภอเมืองภูเก็ตสอบสวนดำเนินคดีตามหน้าที่พนักงานสอบสวน…” ดังนี้เป็นการสั่งให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้เป็นคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหาใช่เป็นการตั้งกรรมการพิเศษไต่สวนพฤติการณ์ของผู้อยู่ในบังคับบัญชาไม่ และการที่ปลัดจังหวัดและผู้กำกับการตำรวจไปนั่งทำการสอบสวนร่วมกับนายอำเภอนั้นหาทำให้การสอบสวนเสียไปไม่ เพราะนายอำเภอเมืองซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา นั่งทำการสอบสวนอยู่ด้วยตนเองแล้ว

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาชี้ขาดข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาใหม่

Share