แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 1 ที่ว่าการขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลยที่ 1 เกิดจากความเข้าใจผิดของจำเลยทั้งสอง โดยจำเลยที่ 1 เข้าใจผิดว่า จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวของจำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ แทนจำเลยที่ 1 ด้วย และทนายความของจำเลยที่ 2 ก็เข้าใจว่า จำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำบริษัทของจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาของจำเลยที่ 1 เอง เหตุผลดังกล่าวแม้จะเป็นความจริงก็ไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของจำเลยที่ 1 เองจำเลยที่ 1 จะอ้างความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกสิกรไทย สาขาบางกะปิจำนวน 3 ฉบับ ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายพร้อมประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 เมื่อเช็คทั้งสามฉบับถึงกำหนดชำระ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้ติดตามทวงถามแล้วแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 1,247,910.39 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,237,050 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์คบคิดกับผู้มีชื่อเพื่อฉ้อฉลเอาทรัพย์จากจำเลย เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้และจำเลยที่ 2 ออกเช็คพิพาทในนามจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดตามเช็ค ขอให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 1,247,910.39 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาเพราะจำเลยที่ 1 มีทนายความประจำบริษัทของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 มีทนายความประจำตัวซึ่งมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ จำเลยที่ 1 เข้าใจผิดว่า จำเลยที่ 2 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวของจำเลยที่ 2 ดำเนินคดีโดยยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาต่าง ๆ แทนจำเลยที่ 1 ด้วยแล้ว และทนายความของจำเลยที่ 2 ก็เข้าใจคลาดเคลื่อนว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำบริษัทของจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การและดำเนินกระบวนพิจารณาของจำเลยที่ 1 เอง ทนายจำเลยที่ 2 จึงไม่ยื่นคำให้การแทนจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 มาทราบว่าจำเลยที่ 1 ถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้ตามฟ้องโจทก์จากคำบังคับ เหตุเกิดเพราะความเข้าใจผิดของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 และทนายของจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 มีทางชนะคดีเนื่องจากหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้ที่มีเงื่อนไขในอนาคตและมีข้อตกลงให้บุคคลภายนอกปฏิบัติตามสัญญา แต่บุคคลภายนอกไม่ปฏิบัติตามสัญญามูลหนี้จึงไม่เกิด บุคคลภายนอกสมคบกับโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยไม่สุจริต โจทก์มิใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายดังที่ศาลพิพากษา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1 โดยไม่ไต่สวนให้เหตุผลว่า แม้ได้ความตามคำร้อง ก็ไม่ใช่เหตุจะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 อ้างในคำร้องว่าจำเลยที่ 1 มิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา แต่การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลยที่ 1 เกิดจากความเข้าใจผิดของจำเลยทั้งสองดังที่กล่าวรายละเอียดมาในคำร้องนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เหตุผลตามคำร้องของจำเลยที่ 1ดังกล่าว แม้จะเป็นความจริงก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องเอาใจใส่ในการต่อสู้คดีของจำเลยที่ 1 เอง จำเลยที่ 1จะอ้างความเข้าใจผิดตามที่ระบุในคำร้องมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่”
พิพากษายืน