แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ศาลนัดสืบพยานสองนัดติดต่อกัน โดยนัดแรกนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน นัดต่อมานัดสืบพยานโจทก์ ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลย โจทก์ไม่มาศาล ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาเช่นนี้ ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง เพราะโจทก์ได้มีการร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทราบก่อนลงมือสืบพยานแล้ว ไม่ใช่กรณีที่โจทก์ไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้องอันจะถือว่าเป็นการขาดนัดพิจารณา การที่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ การพิจารณาคดีนี้จึงมิใช่การพิจารณาโดยขาดนัด การที่โจทก์ไม่มาศาลในนัดแรกจึงไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิที่จะสืบพยาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์บางส่วนเนื้อที่ 1 ไร่ โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ต่อไป ขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 20961หากไม่ปฏิบัติขอให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยให้จำเลยชดใช้ค่าใช้จ่ายและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท จนกว่าจะออกจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นของสามีจำเลยเนื้อที่11 ไร่ ต่อมาสามีจำเลยขายที่ดินแปลงดังกล่าวไป 10 ไร่ ส่วนที่เหลือ1 ไร่ ที่ปลูกบ้านอาศัยอยู่ไม่ได้ขาย แต่ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงให้ผู้ซื้อไปเพราะไม่มีเวลาแบ่งแยกเนื่องจากต้องรีบใช้เงินจำเลยได้ครอบครองอยู่อาศัยในบ้านบนที่ดินส่วนนี้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมา 10 ปีเศษ จำเลยจึงไม่ได้อยู่โดยละเมิด โจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 20961 และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินดังกล่าวเสร็จสิ้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกาว่าการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและทำการสืบพยานจำเลยไปจนหมดแล้ว ศาลสั่งให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ตามที่นัดไว้แล้วเป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาหรือไม่ ในเมื่อจำเลยได้คัดค้านไว้นั้น ในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณานั้นชอบหรือไม่ คดีนี้ปรากฏว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยาน 2 นัด นัดต่อกันโดยนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนวันที่ 15 กันยายน 2532 และนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 4 ตุลาคม 2532 เวลา 9 นาฬิกา ทั้งสองวันก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลย วันที่ 11 กันยายน 2532 โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “รอสั่งวันนัด” เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลยโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาเช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรคสอง บัญญัติว่า “ถ้าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานให้ถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณา”ตามบทบัญญัติดังกล่าวเมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อนวันสืบพยานจำเลยแล้ว จึงถือได้ว่ามีการร้องขอเลื่อนคดีหรือได้แจ้งเหตุขัดข้องที่มาศาลไม่ได้ให้ศาลทราบก่อนลงมือสืบพยานแล้วไม่ใช่กรณีที่โจทก์ไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้องอันจะถือว่าเป็นการขาดนัดพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบการพิจารณาคดีนี้จึงมิใช่เป็นการพิจารณา โดยขาดนัด การที่โจทก์ไม่มาศาลในนัดแรกไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิที่จะสืบพยานที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน