แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในชั้นบังคับคดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดเพื่อหารายได้ชำระหนี้โจทก์แทนการสั่งขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 307 ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น พร้อมกับยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ไม่ควรมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวโดยที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย เพราะการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวนั้นมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยต่อไปได้ ซึ่งถ้าหากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยได้เสร็จแล้ว หากศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยแล้วมีความเห็นว่าควรตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ตามคำร้อง กรณีก็จะไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแต่ตั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดเพื่อหารายได้ชำระหนี้โจทก์แทนการสั่งขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๗ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยที่ ๒ ว่า กรณีเช่นนี้เป็นการขอให้สั่งคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ ฎีกาคำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ ที่ขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ เช่นนี้ ก็มีผลเท่ากับว่าศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ ๒ ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดไว้ต่อไปได้ ซึ่งถ้าหากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ ๒ ได้เสร็จแล้ว หากศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ แล้วมีความเห็นว่าควรตั้งจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการทรัพย์ตามคำร้อง กรณีก็ไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ได้ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ โดยที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ยังไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ ๒ ไว้ในระหว่างอุทธรณ์