คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1099/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ทนายความที่คู่ความแต่งตั้งมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนคู่ความตามที่เห็นสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของคู่ความ แต่ถ้าดำเนินกระบวนพิจารณาใดไปในทางจำหน่ายสิทธิของคู่ความ จะต้องได้ระบุไว้ชัดเจนในใบแต่งทนายความของคู่ความนั้นเมื่อปรากฏว่าทนายโจทก์อนุญาตให้จำเลยออกจากห้องพิพาทหลังจากล่วงพ้นกำหนดตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความก็เป็น การกระทำกันนอกศาล มิใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลทั้งโจทก์ มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงนอกเหนืออำนาจที่ทนายโจทก์จะกระทำ ได้และไม่มีผลผูกพันโจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอม ยอมความ

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาทของโจทก์ แล้วตกลงประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2526 แล้วโจทก์จะให้ค่าขนย้ายแก่จำเลยเป็นเงิน 40,000 บาท หากฝ่ายใดผิดนัดยอมให้บังคับคดีได้ทันทีและจำเลยหมดสิทธิที่จะได้รับค่าขนย้ายจากโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม วันที่ 4 สิงหาคม 2526 โจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยและบริวารไม่ออกจากห้องพิพาท ขอให้จับจำเลยมากักขังศาลชั้นต้นนัดสอบถามทนายจำเลยแถลงว่า จำเลยได้ออกไปจากห้องพิพาท ก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2526 แต่ขัดข้องเรื่องการย้ายโทรศัพท์จำเลยได้ขอส่งพวงกุญแจห้องพิพาทให้โจทก์ในวันที่ 13 สิงหาคม 2526ทนายโจทก์ก็ยินยอมและจำเลยได้นำพวงกุญแจไปมอบให้กับคนเฝ้าบ้านของโจทก์เรียบร้อยตามกำหนดเวลา ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่จำเป็นต้องบังคับคดีจำเลยต่อไป ต่อมาวันที่ 12 ตุลาคม 2526 จำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่ชำระเงินค่าขนย้ายจำนวน 40,000 บาทให้จำเลยขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์ ศาลชั้นต้นนัดสอบถาม ถึงวันนัดโจทก์แถลงว่า จำเลยออกจากห้องพิพาทเกินกำหนด 13 วัน โจทก์จึงไม่ต้องชำระค่าขนย้ายแก่จำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวน แล้ววินิจฉัยว่าทนายโจทก์ ทนายจำเลยตกลงยินยอมผ่อนผันให้เลื่อนการส่งมอบห้องพิพาทให้แก่กันออกไปได้ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 40,000 บาทแก่จำเลย โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ทนายความที่คู่ความแต่งตั้งนั้นมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนคู่ความตามที่เห็นสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของคู่ความ แต่ถ้าดำเนินกระบวนพิจารณาใดเป็นไปในทางจำหน่ายสิทธิของคู่ความจะต้องระบุไว้ชัดแจ้งในใบแต่งทนายของคู่ความนั้น ดังนั้น แม้จะฟังได้ดังที่จำเลยนำสืบว่าทนายจำเลยได้รับอนุญาตจากทนายโจทก์ให้เลื่อนการส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ไปในวันที่ 13 สิงหาคม 2526ก็ตาม แต่เป็นการกระทำกันนอกศาล มิใช่การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล ทั้งโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงเป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจที่ทนายโจทก์จะกระทำได้ ย่อมไม่มีผลผูกพันโจทก์ เมื่อจำเลยมิได้ออกจากห้องพิพาทตามที่ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินค่าขนย้ายจำนวน40,000 บาทจากโจทก์ ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยอีกต่อไป ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share