คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิเรียกทรัพย์คืนที่กระทำเพื่อชำระหนี้ในนิติกรรมที่เเปนโมคะนั้น ย่อมเกิดขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายหนึ่งได้รับ
ซื้อขายที่ดินทำกันเอง ผู้ซื้อฟ้องบังคับตามสัญญา แต่ถูกสาลยกฟ้อง ผู้ซื้อจึงมาฟ้องเรียกราคาคืนถานลาภมิควนได้นั้น ต้องเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันผู้ซื้อว่าตนมีสิทธิเรียกคืน ไม่ใช่เริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่คดีก่อนถึงที่สุด
เมื่อมีกดหมายบัญญัติว่าการซื้อขายที่มิได้ทำต่อเจ้าพนักงานเปนโมคะแล้วก็ต้องถือว่าบุคคลรู้บทบัญญัตินั้น ผู้ใดอ้างว่าไม่รู้จะต้องแสดงพรีติการณ์พิเสสเฉพาะตัว
เรื่องใช้สิทธิเลิกสัญญาอาดนับอายุความ นับแต่วันมีคำพิพากสาให้เลิกสัญญาต่อกัน

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าจำเลยขายนาให้โจท มอบนาให้โจทแล้วกลับเอาคืน โจทฟ้องเรียกสาลพิพากสาว่าสัญญานั้นเปนโมคะ เพราะทำไม่ถูกแบบ โจทจึงมาฟ้องเรียกเงินราคาคืน
จำเลยให้การหลายประการและว่า เปนการฟ้องซ้ำและคดีขาดอายุความ
สาลจังหวัดเชียงใหม่เห็นว่าไม่ใช่ฟ้องซ้ำ และคดีไม่ขาดอายุความเพราะไม่พ้นระยะเวลา ๑ ปี แต่เห็นว่าโจทสืบไม่สมว่าจำเลยรับเงินจากโจท จึงพิพากสายกฟ้อง
โจทอุธรณ์ สาลอุธรณ์ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทตามฟ้อง
จำเลยดีกา สาลดีกาวินิจฉัยว่าในเรื่องลาภมิควนได้นั้น ตามประมวลแพ่ง ฯมาตรา ๔๑๙ ห้ามฟ้องคดีเมื่อพ้น ๑ ปีนับแต่วันรู้หรือควนรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน สาลดีกาเห็นว่าสิทธิเรียกทรัพย์คืนที่กะทำเพื่อชำระหนี้ย่อมเกิดขึ้นทันทีที่อีกฝ่าย ๑ ได้รับทรัพย์นั้นมาโดยปราสจากมูลอันจะอ้างกดหมายได้ เพราะโมคะกัม ต่างกับเรื่องใช้สิทธิเลิกสัญญาตามมาตรา ๓๙๑ ซึ่งสิทธิที่จะเรียกให้กลับคืนสู่ถานะเดิมอาดนัยแต่วันมีคำพิพากสาให้เลิกสัญญาต่อกันในคดีคำพิพากสาคดีก่อนจึงมิใช่คำพิพากาสาที่ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องลาภมิควนได้ สิทธิของโจทที่จะเรียกลาภมิควนได้จากจำเลยนับแต่วันที่จำเลยรับเงินจากโจท และคำว่านับแต่เวลาที่รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนตามมาตรา ๔๑๙ นั้นหาได้หมายถึงเวลาที่ผู้เสียหายรู้กดหมายไม่
ตามธัมดาเมื่อมีกดหมายบัญญัติว่า การซื้อขายที่ดินที่มิได้จดทเบียนต่อเจ้าพนักงานเปนโมคะแล้ว ต้องถือว่าบุคคลทุกคนรู้บทบัญญัตินี้ ผู้ได้อ้างว่าไม่รู้จะต้องแสดงให้เห็นพรึติการน์พิเสสเฉพาะตัว แต่โจทมิได้แสดง คดีนี้หย่างน้อยโจทก็ควนจะรู้ตั้งแต่วันจำเลยขัดขวางยึดเอาที่นาคืน คดีของโจทจึงขาดอายุความพิพากสายกฟ้องโจทยืนตามสาลชั้นต้น

Share