แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้อาวุธปืนของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายในลักษณะป้องกันตัวและใช้ในชั่วระยะเวลาอันสั้น โดยไม่ปรากฏเจตนาจะยึดถืออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้เพื่อครอบครองทั้งในขณะเกิดเหตุผู้เป็นเจ้าของก็อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุด้วย ถือไม่ได้ว่าจำเลยครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาต แม้จำเลยให้การรับสารภาพ แต่เมื่อโจทก์สืบพยานหลักฐานในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นแล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องศาลย่อมพิพากษายกฟ้องข้อหานี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพก ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอกซึ่งเป็นอาวุธปืนของพลตำรวจวิโรจน์ ทองทิพย์ ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายแล้ว และมีกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาต และพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในหมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควร และไม่ได้รับยกเว้นตามกฎหมายแล้วใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายสมชาย เนียมรักษา ผู้เสียหายหลายนัดโดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ และผู้เสียหายวิ่งหลบหนีได้ทัน การกระทำของจำเลยจึงไม่บรรลุผล ผู้เสียหายเพียงแต่ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 288, 371 และคืนอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 288, 69 ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเป็นการกระทำโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 3 ปี ความผิดฐานมีอาวุธปืนจำเลยให้การรับสารภาพ ส่วนความผิดฐานพยายามฆ่าจำเลยนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลย สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืน และความผิดฐานพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งและหนึ่งในสามตามลำดับ ฐานมีอาวุธปืน คงจำคุก 6 เดือน ฐานพยายามฆ่า จำคุก2 ปี รวมจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 6 เดือน คืนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางแก่เจ้าของ ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติได้ว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง ผู้เสียหายได้ใช้ไม้เป็นอาวุธเข้าไปในบ้านเลขที่ 17/1 ซึ่งเป็นบ้านที่จำเลยพักอาศัย ห่างจากจำเลยประมาณ 2 เมตร ได้เงื้อไม้จะตีจำเลย จำเลยได้ยิงผู้เสียหายที่หัวไหล่ 1 นัด ไม้หลุดจากมือผู้เสียหายผู้เสียหายก้มลงใช้มือซ้ายหยิบไม้ดังกล่าวขึ้นมา จำเลยได้ยิงที่แขนซ้ายผู้เสียหายอีก 1 นัด จากนั้นผู้เสียหายได้วิ่งหนีไป
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหานี้ แม้พลตำรวจวิโรจน์จะอยู่บ้านเดียวกับจำเลย แต่การที่จำเลยนำอาวุธปืนออกมายิงผู้เสียหาย อาวุธปืนที่ใช้ยิงย่อมขาดจากการครอบครองของพลตำรวจวิโรจน์ไปแล้วและถือได้ว่าเป็นการที่จำเลยยึดถืออาวุธปืนกระทำการเพื่อตนในการใช้อาวุธปืนดังกล่าวกระทำผิดในขณะนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นเป็นการกระทำโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ดังนั้น จึงเป็นการกระทำที่จำเลยใช้อาวุธปืนในลักษณะป้องกันตัวและใช้ในชั่วระยะเวลาอันสั้นโดยไม่ปรากฏเจตนาจะยึดถืออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนรายนี้ไว้เพื่อความครอบครองของตนอย่างใดเลย ทั้งในขณะเกิดเหตุนั้นพลตำรวจวิโรจน์ผู้เป็นเจ้าของก็อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุด้วย พลตำรวจวิโรจน์จึงคงครอบครองอาวุธปืนอยู่ และถือไม่ได้ว่าจำเลยครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตแม้ความผิดข้อหานี้จำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม แต่เมื่อโจทก์สืบพยานหลักฐานในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องศาลย่อมพิพากษายกฟ้องข้อหานี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
พิพากษายืน