คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรม และเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ ข้อเท็จจริงแต่ละกรรมพัวพันกันแม้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วโจทก์ก็ยังอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยไม่ครบถ้วนทุกกระทงความผิดลักษณะของความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีเป็นดังนี้ การที่จำเลยขอแก้คำให้การสารภาพเป็นปฏิเสธ โดยอ้างว่าให้การรับสารภาพไปโดยเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง ถือได้ว่ามีเหตุอันควร เมื่อจำเลยขอแก้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาจึงสมควรอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 83, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 24, 72, 73 คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 6, 8 พระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 27, 99 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2 ริบของกลางจ่ายเงินสินบนแก่ผู้แจ้งความ และจ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2524 ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 เดือนเดียวกัน

วันที่ 21 กรกฎาคม 2524 จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอแก้คำให้การ โดยขอถอนคำให้การที่รับสารภาพ อ้างว่าให้การไปโดยเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงและขอให้การใหม่ปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจโดยทนายจำเลยก็อยู่ด้วย มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิมที่รับสารภาพและไม่รับคำให้การใหม่ของจำเลย พิพากษาลงโทษจำคุกและปรับจำเลย

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำให้การรับสารภาพ และรับคำให้การใหม่ที่ปฏิเสธให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี หรือขอให้รอการลงโทษจำเลย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำให้การปฏิเสธของจำเลยทั้งสอง ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกาขอให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย แล้วให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไป

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง นั้น เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรม และเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายฉบับ ข้อเท็จจริงแต่ละกรรมพัวพันกัน ดังจะเห็นได้ว่าแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยแล้วโจทก์ก็ยังอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยไม่ครบถ้วนทุกกรรมทุกกระทงความผิดลักษณะความผิดและพฤติการณ์ดังกล่าว เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อที่จำเลยขอแก้คำให้การ โดยอ้างว่าให้การรับสารภาพไปโดยเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง ถือได้ว่ามีเหตุอันควร เมื่อจำเลยขอแก้ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา สมควรอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การได้

พิพากษายืน

Share