แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาเช่ารถยนต์เป็นสัญญาเดิมที่ทำขึ้นระหว่างบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด กับโจทก์ ต่อมาเมื่อจำเลยตั้งขึ้นเป็นองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ได้รับโอนกิจการและทรัพย์สินของบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด มาดำเนินกิจการได้เช่ารถยนต์คันพิพาทสืบต่อมา โดยไม่ได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่จึงนำสัญญาเช่าซึ่งมีอยู่เดิมมาใช้บังคับได้
สัญญาเช่ามีข้อความว่า ผู้ให้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้รถที่เช่า รวมถึงความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุและเหตุสุดวิสัย เป็นต้นข้อที่ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้รถที่เช่านั้น หมายความถึงการที่ผู้เช่าใช้รถที่เช่าอย่างปกติธรรมดาตามประเพณีนิยม โดยได้สงวนทรัพย์สินนั้นเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง ผู้เช่าจึงจะไม่ต้องรับผิดในความเสียหายต่าง ๆ ที่โดยปกติย่อมเกิดขึ้นจากการใช้รถที่เช่า เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ผู้เช่าได้ขับรถยนต์ที่เช่าด้วยความประมาทไปชนกับรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหายอันเป็นการละเมิดจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในความเสียหายของทรัพย์สินที่เช่า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้เช่ารถยนต์โดยสารปรับอากาศจากโจทก์ไปใช้รับส่งคนโดยสาร โดยรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถโจทก์และต่อบุคคลอื่นต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ มารับรถโดยสารที่เช่านำออกไปรับส่งคนโดยสาร จำเลยที่ ๒ ขับด้วยความประมาทเป็นเหตุให้รถโจทก์ไปเฉี่ยวชนกับรถของบุคคลอื่นได้รับความเสียหาย อนุญาโตตุลาการที่โจทก์และจำเลยที่ ๑ ตั้งขึ้นได้ชี้ขาดให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์แล้ว ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ได้ตกลงเช่ารถยนต์โดยสารปรับอากาศจากโจทก์ มีข้อตกลงว่า เมื่อรถออกปฏิบัติการ โจทก์มีหน้าที่ดูแลคนขับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ วินัย และคำสั่งของผู้เช่า จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายเพราะอยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ทั้งสิ้นและต่อสู้ในข้ออื่นอีก ขอให้พิพากษายกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์จึงถอนฟ้องจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เดิมรถยนต์โดยสารปรับอากาศคันพิพาทโจทก์ทำสัญญาให้บริษัทมหานครขนส่ง จำกัด เช่าตามเอกสารหมาย ล.๑ เมื่อจำเลยที่ ๑ ตั้งขึ้นเป็นองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ พ.ศ. ๒๕๑๙ จำเลยที่ ๑ ได้รับโอนกิจการและทรัพย์สินของบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด มาดำเนินกิจการและเช่ารถยนต์คันพิพาทสืบต่อมา ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์คันพิพาทด้วยความประมาทไปชนกับรถยนต์ของผู้อื่น เป็นเหตุให้รถยนต์คันพิพาทได้รับความเสียหาย อนุญาโตตุลาการที่โจทก์และจำเลยที่ ๑ ตั้งขึ้นกำหนดค่าเสียหายของรถยนต์คันพิพาทไว้เป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า
ที่โจทก์ฎีกาว่า จะนำสัญญาเช่าตามเอกสารหมาย ล.๑ มาใช้บังคับระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ เพราะสัญญาดังกล่าวผูกพันระหว่างโจทก์และบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด เท่านั้น เห็นว่าตามสัญญาเอกสารหมาย ล.๑ เป็นสัญญาเช่ารถโดยสารปรับอากาศระหว่างบริษัทมหานครขนส่ง จำกัด กับโจทก์ทำขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๑๙ เป็นสัญญาเดิม เมื่อจำเลยที่ ๑ ตั้งขึ้นเป็นองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพรับโอนกิจการและทรัพย์สินของบริษัทมหานครขนส่ง จำกัดมาดำเนินกิจการ ได้เช่ารถยนต์คันพิพาทสืบต่อมาโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่ จึงนำสัญญาเช่าซึ่งมีอยู่เดิมมาใช้บังคับได้ จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่าไม่ต้องรับผิดในความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นการที่ศาลหยิบยกสัญญาเช่าเอกสารหมาย ล.๑ ขึ้นวินิจฉัยจึงไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย ล.๑ ข้อ ๖ มีข้อความว่า “ผู้ให้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้รถที่เช่าทั้งนี้รวมถึงความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุ เหตุสุดวิสัย การจราจลหรือการก่อความวุ่นวายของกลุ่มชน ความเสียหายอันเกิดจากการกระทำของผู้โดยสารความเสียหายต่อตัวรถและอุปกรณ์ของรถ ความเสียหายต่อทรัพย์สิน ร่างกายชีวิตของผู้โดยสารและหรือบุคคลภายนอกความเสียหายอันเกิดจากการที่ผู้ให้เช่าต้องขาดประโยชน์กรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
ผู้ให้เช่าตกลงไม่ให้ผู้เช่าต้องรับผิด ฯลฯ”
เห็นว่า สัญญาข้อ ๖ วรรคแรก ที่ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบในความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้รถที่เช่านั้น หมายความถึงการที่ผู้เช่าใช้รถที่เช่าอย่างปกติธรรมดาตามประเพณีนิยม โดยได้สงวนทรัพย์สินนั้นเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเองผู้เช่าจึงจะไม่ต้องรับผิดในความเสียหายต่าง ๆ ที่โดยปกติย่อมเกิดขึ้นจากการใช้รถที่เช่าเพราะหลักทั่วไปในเรื่องการเช่าทรัพย์ ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติไม่ได้และมีหน้าที่ต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่าเสมอกับที่วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง กรณีของจำเลยที่ ๑ ได้ความว่าจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถคันพิพาทที่เช่าไปจากโจทก์ด้วยความประมาทไปชนกับรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหายอันเป็นการละเมิด แสดงว่ามิได้สงวนทรัพย์สินที่เช่าอย่างวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง และมิได้ใช้รถที่เช่าอย่างปกติธรรมดาตามประเพณีนิยม และความเสียหายดังกล่าวก็มิใช่ความเสียหายที่โดยปกติย่อมเกิดขึ้นจากการใช้รถคันพิพาทตามสัญญาเช่าจำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดในความเสียหายของทรัพย์สินที่เช่า การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าไม่ต้องรับผิดตามสัญญาข้อ ๖ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ส่วนค่าเสียหายโจทก์ขอให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการซึ่งโจทก์และจำเลยที่ ๑ ตั้งขึ้นไว้ก่อนนำคดีมาสู่ศาลซึ่งได้กำหนดไว้เป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท เหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย