คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาร่วมกัน เพื่อให้จำเลยชำระเงินตามส่วนเฉลี่ยที่แต่ละคนจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ในฐานที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกันได้ออกชำระแทนไปให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาโดยสิ้นเชิงแล้ว ฉะนั้น สำหรับหนี้เงินที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ที่จะรับผิดต่อไปนับจาก วันที่ โจทก์ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปนั้นเมื่อไม่มีการตกลงกันเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย จึงไม่มีเหตุอื่นอันชอบด้วยกฎหมายที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่าร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 นับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปแล้ว แม้โจทก์จะต้องเสียค่าดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอัตราร้อยละสิบสี่ต่อปีก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับพวกได้เข้าหุ้นส่วนกันเพื่อตั้งห้างหุ้นส่วน จำกัดโคราชบันเทิง ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนนำเงินสดและทรัพย์สินมาลงหุ้น แต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ต่อมาผู้เป็นหุ้นส่วนได้มีมติให้เลิกกิจการเพราะขาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายอมร กับพวกให้ชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี ในที่สุดศาลฎีกาพิพากษาว่า หนี้สินทั้งหมดที่ธนาคารกรุงไทยฟ้องเป็นหนี้ของห้างหุ้นส่วนโคราชบันเทิง ให้หุ้นส่วนทั้ง 11 คนร่วมกันชดใช้หนี้ให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด ต่อมาโจทก์ในฐานะจำเลยลูกหนี้ร่วมได้จัดการชำระหนี้ตามคำพิพากษาทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตลอดจนค่าฤชาธรรมเนียมแก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด โจทก์จึงรับช่วงสิทธิจากธนาคารกรุงไทย จำกัด เพื่อเรียกให้หุ้นส่วนคนอื่น ๆ ชดใช้เงินแก่โจทก์ตามส่วนเฉลี่ยที่หุ้นส่วนแต่ละคนลงหุ้น พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2, ที่ 3, ที่ 4, ที่ 6 และที่ 7 ศาลอนุญาต คดีคงเหลือที่จะต้องพิจารณา ต่อมาเฉพาะจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5

จำเลยที่ 1 กับที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การ และเฉพาะจำเลยที่ 5 ขาดนัดพิจารณาด้วย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 5 ใช้เงินตามฟ้องให้โจทก์แต่ในเรื่องดอกเบี้ยให้จำเลยใช้ให้โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ควรจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีของโจทก์เป็นการฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาร่วมกัน เพื่อให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามส่วนเฉลี่ยที่แต่ละคนจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ในฐานที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกันได้ออกชำระแทนไปให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาโดยสิ้นเชิงแล้ว ฉะนั้น สำหรับหนี้เงินที่จำเลยที่ 1และที่ 5 จะต้องรับผิดต่อไปนับจากวันที่โจทก์ได้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจึงไม่มีเหตุอื่นอันชอบด้วยกฎหมายที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่าร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

พิพากษายืน

Share