แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าบัตรเอทีเอ็มที่มีผู้นำไปถอนเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายจากเครื่องเอทีเอ็มเป็นบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปและโจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรบัตรเอทีเอ็มมิได้ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ถอนไปดังนั้นหากจำเลยเป็นผู้นำบัตรเอทีเอ็มไปถอนเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายจำเลยก็ยังไม่มีความผิดตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปโดยทุจริตต่อมามีผู้เห็นจำเลยครอบครองบัตรเอทีเอ็มดังกล่าวทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักบัตรเอทีเอ็มหรือรับของโจร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1), 357 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาบัตรเอทีเอ็ม 1 บัตร ราคา 30 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาบัตรเอทีเอ็มแก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ส่วนกำหนดโทษให้คงตามศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าบัตรเอทีเอ็มที่มีผู้นำไปถอนเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายจากเครื่องเอทีเอ็มเป็นบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายที่คนร้ายลักไปดังนั้น หากจำเลยนำบัตรเอทีเอ็มไปถอนเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายจริง แต่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรบัตรเอทีเอ็ม มิใช่ฟ้องว่าลักทรัพย์หรือรับของโจรเงินในบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ถอนไป จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง