คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อมีรถจอดนิ่งอยู่กับที่แม้ตรงนั้นเป็นทางเลี้ยวโค้ง จำเลยซึ่งขับรถแล่นมาตามทางที่รถจอดอยู่ก็ชอบที่จะหลีกแซงขึ้นหน้าได้ไม่ผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 11 แต่ต้องมีหน้าที่ระวังเป็นพิเศษ เมื่อปรากฏว่าตรงนั้นเป็นที่โค้งทบศอก จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อเข้ามากระชั้นชิดและไม่มีทางจะหลบเลี่ยงได้ ทั้งจำเลยขับรถไม่เร็วและพยายามห้ามล้อดังนี้เป็นอันว่าจำเลยได้ใช้ความระวังสมควรกับหน้าที่แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้หยุดรถโดยสารที่ทางแยกและหัวเลี้ยวขณะที่จำเลยที่ 2 ขับรถโดยสารตามหลังรถจำเลยที่ 1 มาในทางเดียวกันโดยความเร็วและรถจำเลยที่ 2 ขั้นหน้ารถจำเลยที่ 1 ตรงทางแยกหัวเลี้ยวนั้น มิได้เดินรถอ้อมไปตามด้านซ้ายของศูนย์กลางทางรวมเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง พระราชบัญญัติจราจรทางบก เป็นเหตุให้รถจำเลยที่ 2 ชนกับรถยนต์จี๊บซึ่งกำลังเดินสวนทางไปตรงหัวเลี้ยวนั้น นายธณาผู้นั่งในรถจี๊บถึงแก่ความตาย ทั้งนี้โดยความประมาทของจำเลยทั้งสอง ขอให้ลงโทษ

จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าที่ที่จำเลยหยุดไม่ใช่ทางแยกไม่ใช่ที่ห้ามจอด จำเลยไม่มีส่วนร่วมกับการที่รถจำเลยที่ 2 ชนกับรถจี๊บ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า มิได้ขับรถโดยประมาทจำเลยหยุดรถก่อนแล้วรถจี๊บพุ่งเข้าชนรถจำเลยเองเป็นความประมาทของคนขับรถจี๊บที่ไม่ห้ามล้อ

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าขณะเกิดชนกันรถจำเลยที่ 1 ขับจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหัวเลี้ยวของทางโค้งที่กฎหมายห้ามจอด จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานนี้ ส่วนข้อหาว่าทำให้คนตายโดยประมาทนั้นได้ความว่าจำเลยที่ 1 จอดรถนิ่งอยู่เฉย ๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดรถชนกันระหว่างรถจำเลยที่ 2 กับรถจี๊บ เป็นการไกลกว่าเหตุที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดทางอาญา

สำหรับจำเลยที่ 2 นั้นไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 ขับรถเร็วช้า แค่ไหน เมื่อรถจำเลยที่ 1 จอดนิ่งอยู่กับที่ จำเลยที่ 2 ก็ชอบที่จะแซงขั้นหน้าได้ ปรากฏว่าตรงจุดเริ่มแรกที่รถจำเลยที่ 2 กับรถจี๊บจะเห็นกันเป็นทางเลี้ยวโค้งเกือบทบศอกอันเป็นระยะกระชั้นชิดกันมาก ไม่มีทางหลีกเลี่ยงจะไม่ให้ชนกันได้เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นกันก็ต่างพยายามที่จะเบาเครื่องและห้ามล้อแต่ไม่ทันท่วงทีจึงเกิดชนกันขึ้น จะถือว่าต่างฝ่ายต่างมีความประมาทไม่ได้ เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิด พิพากษาให้ปรับจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ. 2477 มาตรา 14, 16เป็นเงิน 80 บาท นอกจากนี้ให้ยก

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ 2 มิได้แซงจำเลยที่ 1 แต่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ขับรถจะหลีกเพื่อผ่านรถจำเลยที่ 1 ที่จอดนิ่งอยู่ซึ่งจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ต้องใช้ความระวังเป็นพิเศษ เมื่อศาลล่างชี้ขาดต้องกันว่าจำเลยที่ 2 ขับรถไม่เร็วและได้พยายามห้ามล้อหากตรงนั้นเป็นที่โค้งทบศอกจะเห็นกันได้ก็ต่อเมื่อเข้ามากระชั้นชิดและไม่มีทางจะหลบเลี่ยงได้ดังนี้จึงเป็นอันว่าจำเลยที่ 2 ได้ใช้ความระวังสมควรกับหน้าที่แล้ว

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share