แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีภริยาผู้เป็นเจ้าของร่วมในที่ดิน ทำสัญญาจะขายที่ดินนั้นแก่เขา โดยส่งมอบที่ดินและโฉนดให้ผู้ซื้อครอบครองแล้ว และผู้ขายก็ได้รับชำระราคาครบถ้วนแล้ว ต่อมาสามีตายลงเสียก่อนโอนโฉนดให้ผู้ซื้อ ดังนี้แม้ผู้ซื้อจะฟ้องคดีขอบังคับให้โอนตามสัญญาภายหลังสามีตายเกิน 1 ปี ซึ่งขากอายุความมรดกแล้วก็ตาม ก็ถือได้ว่าผู้ซื้อได้ครอบครองที่ดินที่จะซื้อขายกัน มีสิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินไว้จนกว่าจะโอนกรรมสิทธิได้ เหตุที่ผู้ขายคนหนึ่งตายเกิน 1 ปีแล้ว ย่อมไม่ห้ามผู้ซื้อผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะใช้สิทธิบังคับตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 189,241,
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า นางตุ่นจำเลยกับนายสงสามี ทำสัญญาจะขายที่ดินแก่โจทก์ ได้รับเงินราคาที่ดินไปจากโจทก์แล้ว ตกลงจะไปโอนโฉนดภายใน ๓ เดือน ต่อมานายสงตาย จึงขอให้จำเลยโอนโฉนดที่พิพาทแก่โจทก์
นางตุ่นต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความ
นางอุ่น นางสาวอิน ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยรวม โดยว่าเป็นบุตรนายสง นางตุ่นเป็นทายาทรับมรดกของนายแสง และต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความมรดก
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ดินส่วนของนายสงคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว แต่ที่ดินส่วนของนางตุ่นจำเลยยังบังคับได้ตามสัญญามาตรา ๑๓๖๑ วรรค ๑ จึงพิพากษาแก้ให้นางตุ่นจำเลยโอนขายที่ดินส่วนของตนให้แก่โจทก์
โจทก์ จำเลยและผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าโจทก์ผู้ได้ครอบครองที่ดินที่จะซื้อขายกันมีสิทธิที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินไว้จนกว่าจะโอนกรรมสิทธิได้ เหตุที่นายสงตายมาแล้วเกิน ๑ ปี ย่อมไม่ห้ามโจทก์ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะใช้สิทธิบังคับตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๘๙,๒๔๑,
ส่วนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิของนางตุ่น จำเลยนั้น โจทก์ขอให้บังคับตามสัญญาได้การตายของนายสงไม่ทำให้นางอุ่น นางสาวอิน ทายาทนายสงเป็นเจ้าของร่วมในส่วนของนางตุ่นจำเลยด้วย
จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ ให้นางตุ่นจำเลยกับผู้ร้องสอดโอนกรรมสิทธิที่พิพาทตามฟ้องให้โจทก์