แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องมาชัดเจนแล้ว แต่จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือต่อสู้เป็นอย่างอื่นก็ต้องถือว่าจำเลยรับตามนั้นคดีไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบอีกต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้จัดการโรงเลื่อยไทยวัฒน์ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครกรุงเทพฯ ได้เปิดประกอบการเลื่อยไม้เพื่อการค้าก่อนใช้เทศบัญญัติเรื่องควบคุมการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ แล้วคงประกอบการเลื่อยไม้เพื่อการค้าตลอดมา หลังจากที่ได้มีการออกและประกาศใช้เทศบัญญัตินั้นแล้วโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามเทศบัญญัติ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2484 ทั้งนี้โดยจำเลยได้เคยยื่นเรื่องราวขอรับอนุญาตต่อคณะเทศมนตรีนครกรุงเทพฯ สั่งไม่อนุญาต แต่จำเลยยังคงฝ่าฝืน จึงขอให้ห้ามจำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยได้รับอนุญาตกระทรวงอุตสาหกรรมและกรมป่าไม้ ให้เปิดและตั้งโรงงานแปรรูปไม้และค้าไม้แปรรูปแล้ว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยประกอบการค้าเลื่อยไม้อีกต่อไป
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายข้อเดียวว่าเทศบัญญัติที่โจทก์อ้างไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะโจทก์ไม่นำสืบว่าได้ประกาศไว้โดยเปิดเผยณ สำนักงานเทศบาลแล้ว 7 วัน
ศาลฎีกาเห็นว่า ความข้อนี้ โจทก์ได้บรรยายฟ้องมาชัดว่าโจทก์ได้ออกและประกาศเทศบัญญัตินั้นแล้ว จำเลยมิได้ปฏิเสธหรือต่อสู้เป็นอย่างอื่น ก็ต้องถือว่าจำเลยรับตามนั้น คดีจึงไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบอีก