คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมการอำเภอมีอำนาจที่จะมอบหมายให้เสมียนประจำอำเภอทำการไต่สวนและรับเงินค่าปรับซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอได้ และต้องถือว่าผู้ที่ได้รับมอบหมาย กระทำการนั้นในหน้าที่ตามกฎหมาย ถ้ายักยอกเอาเงินค่าปรับเป็นอาณาประโยชน์เสียต้องมีผิดตาม ม.319 ข้อ 3 ฎีกาอุทธรณ์ เจตนาหรือไม่เจตนาเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเป็นเสมียนประจำที่ว่าการอำเภอ นายอำเภอได้มอบหมายให้เป็นผู้ช่วยปลัดอำเภอทำการไต่สวนแลรับเงินค่าปรับจากผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติต่าง ๆ เพื่อสงสารบบแล้วนำส่งสมุหบัญชี จำเลยได้รับเงินค่าปรับจากนายดีและพิลารายละ ๔ บาท แล้วแทงหมายเหตุลงไว้ในท้ายแบบ ป.๙ ว่าได้รับเงินแล้ว แต่จำเลยหาได้สงสารบบและนำส่งสมุหบัญชีไม่ได้ยักยอกเป็นอาณาประโยชน์เสีย โจทก์จึงขอให้ลงโทษตาม ม.๓๑๙-๗๑-๑๓๑
ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย ๒ กะทงตามมาตรา ๓๑๙ ข้อ ๓
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อกฎหมายที่จำเลยเถียงว่าตนเป็นแต่เสมียนประจำอำเภอ ไม่มีหน้าที่ทำการไต่สวนและเรียกเงินค่าปรับจากผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติต่าง ๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอโดยฉะเพาะนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะกรมการอำเภอมีอำนาจที่จะมอบหมายให้จำเลยทำการในหน้าที่นั้นได้ และต้องถือว่าจำเลยกระทำในหน้าที่ตามกฎหมาย และข้อที่ว่าเจตนาหรือไม่เจตนานั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยฎีกาไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลเดิมว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา ๓๑๙ ข้อ ๓ โทษ ๒ กะทงให้จำคุก กะทงละ ๖ เดือน รวมเป็นกำหนด ๑ ปี

Share