คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กรรมการตรวจฎีกาจำเลย อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์กรุงเทพฯ

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๑ จำเลยลักศอดเครื่องเหล็กที่ติดกับรางรถไฟ มีเหล็กปะกัปแลสะกรูเปนต้นรวม ๒๕๙ อันราคา ๔๕ บาท ทำให้รางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดิรรถไฟของบริษัทรถไฟสายปากน้ำ ฯ
ครั้นวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางคืนจำเลยมาลักถอดเครื่องเหล็กที่ติดกับรางรถไฟอีก เจ้าพนักงานจับตัวจำเลยพร้อมด้วยเหล็กของกลาง ๑๓ อันในเวลานั้น แล้วเจ้าพนักงานไปค้นที่บ้านจำเลยได้เหล็กเครื่องติดกับรางรถไฟที่ลักไปวันก่อนอีก ๒๓ อัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๙๒-๒๙๓ จำเลยเคยรับโทษจำคุกฐานลักทรัพย์มา ๒ ครั้งแล้ว ขอให้เพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา ๗๒ ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดดังข้อหา แลต่อสู้ว่าเหล็กของกลางที่เจ้าพนักงานจับได้จากจำเลยแลที่บ้านของจำเลยนั้น เปนเหล็กของจำเลยได้ซื้อมาจากผู้มีชื่อ แลให้การรับว่าเคยรับโทษจำคุกมาแล้วตามรายงานเรือนจำจริง ฯ
ศาลพระราชอาญาพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยได้ลักเครื่องเหล็กที่ติดกับรางรถไฟที่เจ้าพนักงานจับตัวจำเลยพร้อมด้วยเหล็กของกลางได้ในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๑ แลทำให้รางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดิรรถไฟด้วย จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์เวลากลางคืน แลฐานทำให้รางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดิรรถไฟ แต่ควรวางบทฐานทำให้รางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดิรรถไฟบทเดียว ส่วนข้อที่โจทย์หาว่าจำเลยลักเครื่องเหล็กที่ติดกับรางรถไฟในวันก่อนนั้นไม่มีพยานเห็น เปนแต่เจ้าพนักงานจับเหล็กของกลางได้ที่บ้านจำเลย จำเลยมีความผิดฐานรับของโจร จึงพิพากษาวางบทกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๙๒ ฐานทำให้รางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดิรรถไฟ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๓ ปีกะทงหนึ่ง วางบทมาตรา ๓๒๑ ฐานรับของโจร ให้จำคุกจำเลย ๑ ปีกะทงหนึ่ง รวมโทษ ๒ กะทงจำคุกจำเลย ๔ ปี ให้เพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ รวมให้จำคุกจำเลย ๕ ปี ๔ เดือน ฯ
จำเลยอุทธรณ ศาลอุทธรณพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทัพย์แลฐานทำให้รางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดิรรถไฟทั้ง ๒ ครั้ง ส่วนกำหนดโทษจำคุกจำเลยนั้นยืนตามศาลเดิม ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาคัดค้านในข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีเรื่องนี้ไม่มีเหตุสงสัยอย่างใด เพราะเจ้าพนักงานจับตัวจำเลยพร้อมด้วยเหล็กของกลางได้ในเวลาที่จำเลยกระทำผิดนั้น การที่จำเลยลักถอดเครื่องเหล็กที่ต่อเชื่อมกับรางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดินรถไฟ ดังที่พยานโจทย์ได้อธิบายมาแล้ว แต่ข้อที่จำเลยลักเครื่องเหล็กที่ติดกับรางรถไฟไปในวันก่อนนั้น ถึงไม่มีพยานเห็นว่าจำเลยลักไปก็ดี แต่จับของกลางได้ที่บ้านจำเลยแลมีพยานเหตุผลอื่นประกอบแสดงให้เห็นว่าจำเลยเปนผู้ลัก ทั้งจำเลยแสดงไม่ได้ว่าซื้อเหล็กของกลางนั้นมาจากผู้ใด ควรฟังว่าจำเลยลักถอดเครื่องเหล็กแล้วเว้นวันเดียวก็มาลักถอดเครื่องเหล็กอีกดังนี้ จำเลยต้องมีความผิดฐานลักถอดเครื่องเหล็กที่ติดกับรางรถไฟไป ๒ ครั้ง เปนโทษ ๒ กะทง แต่จำเลยทำผิดฐานลักทรัพย์กับทำให้รางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดิรรถไฟในวาระเดียวกันควรวางบทมาตรา ๑๙๒ ฐานทำให้รางรถไฟอาจเปนอันตรายแก่การเดิรรถไฟบทเดียวทั้ง ๒ กะทง ที่ศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลยกับให้เพิ่มโทษจำเลยด้วย มีกำหนดจำคุก ๕ ปี ๔ เดือนนั้นชอบแล้วให้ยกฎีกาของอ้ายฮวดจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๑๓ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

Share