แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างเหตุมาจากการที่โจทก์นำเช็คจำนวน3ฉบับตามฟ้องเดิมไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยโดยโจทก์ไม่ขอรับเป็นเงินสดแต่ยื่นคำขอให้จำเลยออกแคชเชียร์เช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้แทนซึ่งเป็นฉบับเดียวกับแคชเชียร์เช็คตามฟ้องเดิมนั่นเองปรากฎว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัยในคดีเดิมแล้วว่าความผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นไปตามแคชเชียร์เช็คดังกล่าวโดยหาได้นำเงินสดมาแลกแคชเชียร์เช็คและเช็คทั้งสามฉบับที่นำมาแลกก็ขึ้นเงินไม่ได้โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างหนี้เดิมตามคำขอให้ออกแคชเชียร์เช็คเมื่อโจทก์ไม่อาจเรียกเก็บเงินตามแคชเชียร์เช็คโจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงิน400,000บาทนั้นก็เป็นคำฟ้องเนื่องจากจำเลยไม่จ่ายเงินตามแคชเชียร์เช็คนั่นเองเมื่อคดีเดิมมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัดสาขาหาดใหญ่ จำนวน 3 ฉบับ ลงวันที่ 16 มกราคม 2527 โดยนางกิ่งแก้ว เมืองไพศาล เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและมอบให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ เมื่อเช็คทั้ง 3 ฉบับ ถึงกำหนดชำระโจทก์ได้นำไปยื่นที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาหาดใหญ่ เพื่อเรียกเก็บเงินและได้ยื่นคำขอให้ธนาคารออกแคชเชียร์เช็ค หรือแคชเชียร์ออร์เดอร์ของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาหาดไหญ่ โดยธนาคารจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยได้ออกแคชเชียร์เช็คหรือแคชเชียร์ออร์เดอร์ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย โดยระบุให้จ่ายตามคำสั่งของธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาย่าน เพชรเกษม เพื่อเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์ โจทก์ได้นำแคชเชียร์เช็คหรือแคชเชียร์ออร์เดอร์ดังกล่าวไปฝากเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาย่านเพชรเกษมเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่จำเลยปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้เหตุผลว่า “มีคำสั่งระงับการจ่ายเงิน” โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ใช้เงินตามแคชเชียร์เช็คหรือแคชเชียร์ออร์เดอร์ ที่ศาลจังหวัดสงขลาและศาลได้มีคำพิพากษาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ปรากฎตามสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4531/2533 แม้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามแคชเชียร์เช็คหรือแคชเชียร์ออร์เดอร์จะขาดอายุความ แต่หนี้เดิมตามสัญญาคำขอให้ออกแคชเชียร์เช็คหรือแคชเชียร์ออร์เดอร์ซึ่งธนาคารจำเลยสาขาหาดใหญ่ เป็นคู่สัญญากับโจทก์นั้นหาระงับสิ้นไปไม่ เมื่อโจทก์ไม่อาจเรียกร้องเงินตามเช็คได้ โจทก์ยังมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินจำนวน 400,000 บาท ของโจทก์ที่ธนาคารจำเลยสาขาหาดใหญ่ได้รับไปจากโจทก์ตามสัญญาคำขอให้ออกเช็คแคชเชียร์เช็คหรือแคชเชียร์ออร์เดอร์ได้ภายในอายุความ 10 ปี โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 16 มกราคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องเป็นเงิน230,000 บาท
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขดำที่1482/2528 และคดีหมายเลขแดงที่ 1467/2528 ของศาลจังหวัดสงขลาซึ่งต่อมาศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าคดีโจทก์ขาดอายุความนางกิ่งแก้ว เมืองไพศาล ซึ่งเป็นลูกค้าของจำเลย และเป็นเจ้าของเช็คทั้ง 3 ฉบับ ที่โจทก์นำมาแลกแคชเชียร์ออร์เดอร์กับจำเลยได้ชำระเงินแก่โจทก์เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีมูลหนี้ต่อกัน จำเลยปฏิบัติงานตามขั้นตอนและระเบียบของธนาคารพาณิชย์ทั่วไปภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย การกระทำของจำเลยถูกต้องตามกฎหมาย คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงมีคำสั่งให้งดการชี้สองสถาน งดสืบพยานโจทก์จำเลย และพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีเดิมตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4531/2533โจทก์ฟ้องจำเลยกับพวกว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารจำเลยซึ่งนางกิ่งแก้ว เมืองไพศาล สั่งจ่ายชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปรับเงินที่สาขาธนาคารจำเลยและแจ้งความประสงค์ขอเปลี่ยนจากการรับเงินสดเป็นขอรับแคชเชียร์เช็คระบุสั่งจ่ายธนาคารกรุงเทพจำกัด เพื่อเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์จำเลยได้ออกแคชเชียร์เช็คมอบให้โจทก์นำแคชเชียร์เช็คไปเข้าบัญชีเงินฝากของโจทก์เพื่อเรียกร้องเก็บเงิน แต่จำเลยปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยอ้างว่าเช็คทั้งสามฉบับของนางกิ่งแก้วเรียกเก็บเงินไม่ได้และว่านางกิ่งแก้วได้ชำระเงินจำนวน 400,000 บาท ให้แก่โจทก์แล้ว ขอให้จำเลยชำระเงินและค่าเสียหายให้โจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารจำเลยซึ่งนางกิ่งแก้ว เมืองไพศาล ผู้สั่งจ่ายมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินที่สาขาธนาคารจำเลยและยื่นคำขอให้ธนาคารออกแคชเชียร์เช็คโดยธนาคารจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเงินเท่ากับจำนวนเงินตามเช็คที่เรียกเก็บเงิน จำเลยได้ออกแคชเชียร์เช็คส่งมอบให้โจทก์ โจทก์นำไปฝากเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่จำเลยปฏิเสธการจ่ายเงิน หนี้เดิมตามสัญญาคำขอให้ออกแคชเชียร์เช็คซึ่งจำเลยเป็นคู่สัญญากับโจทก์หาระงับสิ้นไปไม่ โจทก์ยังมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนเงิน ดังนี้ จึงเห็นได้ว่าการฟ้องคดีนี้เป็นคำฟ้องที่อ้างเหตุจากการที่โจทก์นำเช็คจำนวน3 ฉบับ ตามฟ้องเดิมไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยโดยโจทก์ไม่ขอรับเป็นเงินสด แต่ยื่นคำขอให้จำเลยออกแคชเชียร์เช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้แทน ซึ่งเป็นฉบับเดียวกับแคชเชียร์เช็คตามฟ้องเดิมนั่นเอง ปรากฎว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัยในคดีเดินแล้วว่าความผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นไปตามแคชเชียร์เช็คดังกล่าว โจทก์หาได้นำเงินสดเข้าฝากแล้วแลกแคชเชียร์เช็คด้วยเงินสดไม่ เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องเดิมของโจทก์ปรากฎว่าเช็คทั้งสามฉบับของนางกิ่งแก้วเรียกเก็บเงินไม่ได้ การที่โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ในคดีนี้โดยอ้างหนี้เดิมตามคำขอให้ออกแคชเชียร์เช็คซึ่งจำเลยเป็นคู่สัญญากับโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่อาจเรียกเงินตามแคชเชียร์เช็คโจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงินจำนวน 400,000 บาท นั้นก็เป็นคำฟ้องเนื่องจากจำเลยไม่จ่ายเงินตามแคชเชียร์เช็คเพราะเช็ค 3 ฉบับ ที่นำไปแลกเรียกเก็บเงินไม่ได้นั่นเอง เมื่อคดีเดิมมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
พิพากษายืน