คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1922/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของเรือที่รับขนสินค้าของโจทก์ และจำเลยที่ 2 ผิดสัญญารับขนสินค้าดังกล่าวต่อโจทก์ ไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญารับขนในฐานะเป็นตัวแทนผู้ทำสัญญารับขนสินค้ากับโจทก์แทนตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศ อันจะต้องรับผิดแต่ลำพังตนเองตาม ป.พ.พ. มาตรา 824 การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา 824 จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,073,461.10 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 1,935,273.10 บาท นับแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ไม่ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ให้ทำการขนส่งสินค้าตามคำฟ้อง จำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ประสานงานกับเจ้าของเรือเพื่อให้โจทก์นำสินค้าบรรทุกลงเรือไปส่งยังจุดหมายปลายทาง โจทก์ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายเอาจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการเป็นนายหน้าตัวแทนในกิจการขนส่งของทางทะเลโดยได้รับค่าบำเหน็จตัวแทนจากเจ้าของเรือ จำเลยที่ 2 ไม่ใช่ผู้ขนส่งเพราะไม่ใช่เจ้าของเรือ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้เงินจำนวน 1,335,273.10 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2541 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 60,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่จำเลยที่ 2 แพ้คดี ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับ
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในข้อ 1 ถึงข้อ 4 ดังกล่าวข้างต้นแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของเรือที่รับขนส่งสินค้าของโจทก์ แต่เป็นเพียงตัวแทนของบริษัทกวางเจาโอเชียน ชิปปิ้ง จำกัด เจ้าของเรือ แต่โจทก์บรรยายฟ้องตั้งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของเรือที่รับขนสินค้าของโจทก์ และจำเลยที่ 2 ผิดสัญญารับขนสินค้าดังกล่าวต่อโจทก์ โจทก์หาได้ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญารับขนในฐานะเป็นตัวแทนผู้ทำสัญญารับขนสินค้ากับโจทก์แทนตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศ อันจะต้องรับผิดแต่ลำพังตนเอง ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 824 แห่ง ป.พ.พ. ไม่ กรณีจึงไม่อาจบังคับให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์ตามมาตรา 824 แห่ง ป.พ.พ. จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142
พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กับให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความรวม 90,000 บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ.

Share