แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20,000 เม็ด จำเลยที่ 1 และที่ 2 นำเจ้าพนักงานตำรวจไปขุดดินยึดเมทแอมเฟตามีนได้อีกจำนวน 76,000 เม็ด ที่ฝังดินไว้บริเวณป่าละเมาะท้ายหมู่บ้านซึ่งเมทแอมเฟตามีนจำนวนนี้หากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้ให้ข้อมูลและนำเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจยึดย่อมเป็นการยากที่เจ้าพนักงานตำรวจจะทราบและตรวจยึดได้เองทั้งยังทำให้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 76,000 เม็ด ไม่มีโอกาสแพร่ระบาดต่อไปอีกนับว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ผู้กระทำความผิดผู้ใดให้ข้อมูลที่สำคัญที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ สมควรวางโทษจำเลยที่ 2 ต่ำกว่าที่ศาลล่างกำหนดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2 เมื่อเหตุที่ศาลฎีกาลดโทษให้จำเลยที่ 2 เป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดีแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 1 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
ป.อ. มาตรา 91 บัญญัติใจความว่า ความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วโทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังนี้ …(3) ห้าสิบปีสำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปี ขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฉะนั้น ศาลชั้นต้นชอบที่จะลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษารวมโทษเสียก่อนแล้วจึงลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ชอบด้วย ป.อ. มาตรา 91 (3) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้ไขมานั้นถูกต้องแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100/1, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 58, 83, 91 บวกโทษจำคุก จำเลยที่ 3 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 472/2546 และ 1056/2546 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ ริบของกลางทั้งหมด เว้นแต่รถยนต์หมายเลขทะเบียน บจ 5782 กำแพงเพชร ที่ใช้ในการล่อซื้อแลกเปลี่ยนเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2) 66 วรรคหนึ่ง, วรรคสาม, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัม ขึ้นไป โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ลงโทษประหารชีวิตกระทงหนึ่ง ความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำคุกคนละ 15 ปี กระทงหนึ่ง ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี กระทงหนึ่งและความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและโดยไม่ได้รับใบอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 6 เดือน เมื่อรวมโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทุกกระทงความผิดแล้ว ให้ประหารชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แม้ปริมาณเมทแอมเฟตามีนจะเป็นจำนวนมากซึ่งหากแพร่ออกไปย่อมเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมและประเทศชาติก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพและสำนึกแก่ความผิดพาเจ้าพนักงานไปชี้หลุมที่ฝังเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 38 มัด ทำให้เจ้าพนักงานสามารถยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางมาได้เป็นจำนวนมาก เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดชีวิต ยกฟ้องจำเลยที่ 3 และที่ 4 ยกคำขอให้บวกโทษจำเลยที่ 3 เข้ากับโทษตามคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 472/2546 และ 1056/2546 ของศาลชั้นต้น ริบของกลางทั้งหมดยกเว้นรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บจ 5782 กำแพงเพชร ให้คืนแก่เจ้าของและยกคำขอริบเงินสด 80,000 บาท
โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดชีวิต ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 7 ปี 6 เดือน ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 1 ปี และความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืน จำคุกคนละ 3 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตลอดชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่าสมควรวางโทษในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่ำกว่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 หรือไม่ เห็นว่า พยานหลักฐานตามทางนำสืบของโจทก์ปรากฏว่าเมื่อพันตำรวจโทชลิต และจ่าสิบตำรวจทองพวน กับพวกจับกุมจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้นำตัวจำเลยที่ 1 และที่ 2 พร้อมเมทแอมเฟตามีน 10 มัด จำนวน 20,000 เม็ด ไปสถานีตำรวจ จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับว่ายังมีเมทแอมเฟตามีนอีก 38 มัด จำนวน 76,000 เม็ด ฝังดินไว้บริเวณป่าละเมาะท้ายหมู่บ้านบ้านเขาน้อยหมู่ที่ 16 ตำบลคลองลานพัฒนา อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร จากนั้นจำเลยที่ 1 และที่ 2 นำเจ้าพนักงานตำรวจไปขุดดินยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวได้ซึ่งเมทแอมเฟตามีนจำนวนนี้หากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ให้ข้อมูลและนำเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจยึดย่อมเป็นการยากที่พันตำรวจโทชลิตกับพวกจะทราบและสามารถตรวจยึดได้เอง ทั้งยังทำให้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 76,000 เม็ดไม่มีโอกาสแพร่ระบาดต่อไปอีก นับว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ผู้กระทำความผิดผู้ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อตำรวจสมควรวางโทษจำเลยที่ 2 ต่ำกว่าที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น เมื่อเหตุที่ศาลฎีกาลดโทษให้จำเลยที่ 2 เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 2 ประการต่อไปอ้างว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาให้ลดโทษเพราะมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ทุกกระทงความผิดก่อนจึงรวมโทษทุกกระทงความผิดในภายหลังไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องรวมโทษทุกกระทงความผิดก่อนจึงลดโทษให้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้ประหารชีวิต ฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้จำคุกคนละ 15 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนให้จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนให้จำคุกคนละ 6 เดือน รวมโทษทุกกระทงให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 และที่ 2 สถานเดียว แล้วจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละตลอดชีวิตนั้น เมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 บัญญัติใจความว่า ความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษหรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วโทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังนี้….(3) ห้าสิบปีสำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฉะนั้นศาลชั้นต้นชอบที่จะลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษการที่ศาลชั้นต้นพิพากษารวมโทษเสียก่อนแล้วจึงลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้ไขมานั้นถูกต้องแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันมีอาวุธปืน หมายเลขทะเบียนไม่ปรากฏแน่ชัด จำนวน 1 กระบอก และมีเครื่องกระสุนปืน จำนวน 7 นัด ของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนท้องที่ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังกล่าว จึงต้องด้วยบทกำหนดโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคสาม ที่ศาลชั้นต้นปรับบทกำหนดโทษตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง และศาลอุทธรณ์ภาค 6 มิได้แก้ไขในส่วนนี้ จึงไม่ถูกต้องและในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก่อนรวมโทษ คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 1 ปี นั้น ก็ไม่ถูกต้องเพราะศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในความผิดฐานนี้ก่อนรวมโทษโดยยังมิได้ลดโทษให้จำคุกคนละ 1 ปี คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ในความผิดดังกล่าวเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งศาลฎีกาจะได้แก้ไขให้ถูกต้องต่อไป”
พิพากษาแก้เป็นว่า ในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม, 100/2, 102 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 50 ปี และปรับคนละ 800,000 บาท ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 25 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท ความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่น จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสาม เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 6 เดือนเมื่อรวมกับโทษในความผิดกระทงอื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 แล้ว ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 32 ปี 15 เดือน และปรับ 400,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังได้ไม่เกิน 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6