คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้ตายเนื่องมาจากจำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้ตายให้ออกไปยิงกับจำเลยจำเลยจะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่า จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลดโทษจำเลยหนึ่งในสี่จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวหานั้นจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิง นายสุชาติ โมกงาม ถึงแก่ความตาย ปรากฏบาดแผลตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง ปัญหาวินิจฉัยมีว่าจำเลยได้ยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวหรือไม่ โจทก์มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะเกิดเหตุ 2 ปาก คือนางสมรักษ์ภรรยาผู้ตายกับนางสาวจำลอง รุจิฉายน้องภรรยาผู้ตาย พยานโจทก์ทั้งสองปากเบิกความยืนยันว่าขณะที่ผู้ตายให้อาหารเป็ดอยู่นั้น จำเลยได้ร้องด่าท้าท้ายต่าง ๆ นานาชวนให้ผู้ตายออกไปยิงกันจนผู้ตายอดกลั้นไม่ไหวจึงไปหยิบปืนลูกซองยาวออกไปที่ทุ่งนาเป็นทำนองรับคำท้า จำเลยกับนายประยงค์บุตรชายก็ถือปืนยาวคนละกระบอกเดินตามผู้ตายไปทันที แล้วเกิดยิงกันขึ้น นอกจากนี้โจทก์มีพันตำรวจตรีวนิตย์ โพธิพิพิธ พนักงานสอบสวนคดีนี้เบิกความประกอบคำของนางสมรักษ์และนางสาวจำลองว่า เมื่อพยานออกไปทำการชันสูตรพลิกศพและตรวจดูสถานที่เกิดเหตุนั้น นางสาวจำลองได้แจ้งต่อพยานว่าเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ที่ยิงกัน นอกจากนี้โจทก์ยังนำสืบถึงพฤติการณ์ที่ว่าทางฝ่ายจำเลยกับฝ่ายผู้ตายเคยมีเรื่องบาดหมางกันซึ่งจำเลยพยายามก่อเรื่องทำร้ายฝ่ายผู้ตายอยู่ทุกวิถีทางพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักและเหตุผลฟังได้ว่า จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้ตายเนื่องมาจากจำเลยเป็นฝ่ายท้าทายให้ผู้ตายออกไปยิงกัน ฉะนั้นจำเลยจะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่ ที่จำเลยฎีกาว่นางสมรักษ์ภรรยาผู้ตายและนางสาวจำลองพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกัน ศาลไม่ควรรับฟังนั้น เห็นว่า ถึงแม้พยานโจทก์ทั้งสองปากจะเบิกความแตกต่างกันอยู่บ้าง ในเรื่องระยะทางที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่ถึงขนาดที่จะทำลายน้ำหนักคำพยานในข้อสาระสำคัญให้เสียไปที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะลงโทษให้น้อยลงอีก เพราะจำเลยเป็นฝ่ายระรานก่อเรื่องขึ้นก่อน ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน”.

Share