แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยทำในประเทศอังกฤษ โดยให้โจทก์ทำงานในประเทศมาเลเซีย ได้กำหนดเงื่อนไขในการจ้างและสิทธิของลูกจ้างไว้โดยชัดแจ้งแม้ต่อมาจำเลยจะส่งโจทก์เข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งมีระเบียบข้อบังคับคู่มือพนักงานใช้บังคับเฉพาะลูกจ้างของจำเลยซึ่งกระทำกันในประเทศไทยเท่านั้น โจทก์จะเรียกร้องเงินค่าชดเชยที่มีจำนวนมากกว่าสัญญาจ้างจากจำเลยโดยอาศัยสิทธิตามคู่มือพนักงานฉบับดังกล่าวไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์มีเงินเดือนสูงเป็นการกลั่นแกล้งและเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เพียง ๖ เดือน ผิดต่อระเบียบข้อบงคับของจำเลยเพราะโจทก์ทำงานมา ๒๐ ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างปีละ ๑ เดือน รวม ๒๐ เดือน ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายและค่าชดเชยที่ขาดพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะภาวะการค้าและเศรษฐกิจไม่ดี จำต้องลดต้นทุน อัตราคนงานและยุบหน่วยงานบางหน่วย โจทก์ทำงานไม่ถึง ๒๐ ปี จำเลยได้จ่ายเงินให้โจทก์ตามสัญญาจ้างที่ทำในประเทศอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจากสัญญาจ้างและข้อบังคับระเบียบการทำงานที่ใช้กับลูกจ้างที่เป็นคนสัญชาติไทยและทำสัญญาจ้างในประเทศไทย โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยตามข้อบังคับการทำงานของลูกจ้างชาวไทย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ทำงานกับจำเลยมา ๒๐ ปีเศษแล้วการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะกิจการขาดทุน ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์เป็นพนักงานโพ้นทะเลไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเอาประโยชน์ตามคู่มือพนักงาน จึงเรียกค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอีก ๑๔ เดือนไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์โดยให้โจทก์ทำงานที่ประเทศมาเลเซีย และทำสัญญาจ้างตามเอกสารหมาย ล.๑, ล.๕ กับที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งตามสัญญาจ้างดังกล่าวได้กำหนดเงื่อนไขในการจ้างตลอดทั้งสิทธิของลูกจ้างไว้โดยชัดแจ้ง แม้ต่อมาจำเลยจะส่งโจทก์เข้ามาทำงานในประเทศไทยเงื่อนไขหรือสิทธิของโจทก์ก็คงมีอยู่ตามสัญญาจ้างเดิม ส่วนคู่มือเอกสารหมาย จ.๔ นั้นใช้บังคับเฉพาะลูกจ้างของจำเลยซึ่งกระทำกันในประเทศไทยเท่านั้น โจทก์จะเรียกร้องเงินต่าง ๆ จากจำเลยโดยอาศัยสิทธิตามคู่มือพนักงานเอกสารหมาย จ.๔ หาได้ไม่ ที่จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์เท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย ๖ เดือนจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน