แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างถนนของกรุงเทพมหานครลูกหนี้ได้โอนหนี้หรือสิทธิเรียกร้องเงินค่าก่อสร้างดังกล่าวให้ผู้ร้องโดยทำเป็นหนังสือและผู้ร้องได้ส่งคำบอกกล่าวแจ้งการโอนไปยังกรุงเทพมหานครเป็นหนังสือแล้ว จึงต้องด้วยแบบพิธีสำหรับการโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 306 ทุกประการ การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างจำเลยกับผู้ร้องเป็นอันสมบูรณ์ สิทธิเรียกร้องอันเกิดแต่การโอนย่อมหลุดจากจำเลยไปสู่ผู้ร้องแล้ว และย่อมใช้ยันกรุงเทพมหานครลูกหนี้ และใช้ยันโจทก์ลูกจ้างของจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้โดยไม่ต้องพิจารณาว่ากรุงเทพมหานครลูกหนี้จะได้ยินยอมในการโอนนั้นด้วยหรือไม่ โจทก์หามีสิทธิอายัดสิทธิเรียกร้องเงินดังกล่าวไม่
ข้อความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 ที่ว่า’ได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น’ กฎหมายต้องการเพียงประการใดประการหนึ่งเท่านั้นไม่ได้ต้องการให้ประกอบกันทั้งสองประการจึงจะถือว่าการโอนสมบูรณ์และใช้ยันลูกหนี้กับบุคคลภายนอกได้ ที่บัญญัติว่า ลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้นเป็นกรณีที่ใช้ประกอบกับมาตรา 308 ซึ่งมีความหมายว่าหากลูกหนี้ยินยอมโดยมิได้อิดเอื้อนแล้วย่อมทำให้ลูกหนี้หมดสิทธิที่จะยกข้อต่อสู้อันตนมีอยู่ต่อเจ้าหนี้มาใช้แก่ผู้รับโอน แต่หาทำให้การโอนสิทธิเรียกร้องที่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขประการแรกตกเป็นอันไม่สมบูรณ์ด้วยการที่ลูกหนี้ไม่ยินยอมไม่.
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาแต่โจทก์ทั้งเจ็ดฟ้อง เรียกค่าจ้างจากจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างและยื่นคำร้องพร้อมกับคำฟ้องขอให้จัดให้มีวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินค่าก่อสร้างถนนของกรุงเทพมหานครซึ่งถือกำหนดชำระแก่จำเลย ศาลแรงงานกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้กรุงเทพมหานครส่งเงินมายังศาลแรงงานกลาง ผู้ร้องขอให้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนการอายัด ศาลแรงงานกลางไต่สวนแล้วยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว จำเลยเป็นเจ้าหนี้ของกรุงเทพมหานครกับผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนได้ทำการโอนหนี้หรือสิทธิเรียกร้องเป็นหนังสือตามบันทึกข้อตกลงโอนสิทธิรับเงิน ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนได้ส่งคำบอกกล่าวการโอนไปยังกรุงเทพมหานครผู้เป็นลูกหนี้เป็นหนังสือตามเอกสารหมาย ร.๓ และ ร.๔ แล้ว กรุงเทพมหานครผู้เป็นลูกหนี้ก็ทราบการโอนจนถึงได้มีหนังสือตอบมายังผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนตามเอกสารหมาย ร.๕ และ ร.๖ ศาลฎีกา เห็นว่า การโอนระหว่างจำเลยผู้เป็นเจ้าหนี้กับผู้ร้องที่เป็นผู้รับโอนได้ทำเป็นหนังสือ การแจ้งการโอนไปยังกรุงเทพมหานครลูกหนี้ก็ได้ทำเป็นหนังสือ ซึ่งมีความที่ถือเป็นคำบอกกล่าวต้องด้วยแบบพิธีสำหรับการโอนสิทธิเรียกร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๐๖ ทุกประการแล้ว การโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างจำเลยผู้เป็นเจ้าหนี้กับผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนเป็นอันสมบูรณ์ สิทธิเรียกร้องอันเกิดแต่การโอนย่อมหลุดจากจำเลยไปสู่ผู้ร้องแล้ว การโอนสิทธิเรียกร้องย่อมใช้ยันกรุงเทพมหานครผู้เป็นลูกหนี้และใช้ยันโจทก์ผู้เป็นบุคคลภายนอกได้แล้วโดยไม่จำต้องพิจารณาในข้อที่ว่า กรุงเทพมหานคร ผู้เป็นลูกหนี้จะได้ยินยอมในการโอนนั้นด้วยหรือไม่ เพราะมาตรา ๓๐๖ บัญญัติว่า “ได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น” กฎหมายต้องการเพียงประการใดประการหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้ประกอบกันทั้งสองประการ จึงจะถือว่าการโอนสมบูรณ์และใช้ยันลูกหนี้และบุคคลภายนอกได้ ดังจะเห็นได้จากกฎหมายใช้คำว่า “หรือ” มิได้ใช้คำว่า “และ” ที่มาตรา ๓๐๖ บัญญัติว่า “ลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น” เป็นกรณีที่ใช้ประกอบกับมาตรา ๓๐๔ ซึ่งมีความหมายว่า หากลูกหนี้ยินยอมโดยมิได้อิดเอื้อนแล้วย่อมทำให้ลูกหนี้หมดสิทธิที่จะยกข้อต่อสู้อันตนมีอยู่ต่อเจ้าหนี้มาใช้แก่ผู้รับโอนเป็นต้นว่า เจ้าหนี้ได้ปลดหนี้แล้วหรือ ตนชำระหนี้แก่เจ้าหนี้แล้วเท่านั้น แต่ก็หาทำให้การโอนสิทธิเรียกร้องตกเป็นอันไม่สมบูรณ์ด้วยการที่ลูกหนี้ไม่ยินยอมไม่……..ฯลฯ โจทก์ทั้งเจ็ดหามีสิทธิอายัดสิทธิเรียกร้องอันตกแก่ผู้ร้องแล้วไม่
พิพากษากลับ ให้ยกเลิดคำสั่งอายัดชั่วคราว และให้ถอนหมายอายัดชั่วคราวของศาลแรงงานกลาง