แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) จะห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืน มาตรา 88 และมาตรา 90 ก็ตาม แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี โดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ ก็ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ เมื่อพยานบุคคลที่โจทก์ระบุอ้างเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ส่วนพยานเอกสารที่อ้างก็เป็นชุดเดียวกับที่จำเลยอ้าง ทั้งโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานและส่งสำเนาเอกสารก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์จึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ เพราะจำเลยสามารถนำสืบหักล้างได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีพยานของโจทก์ภายหลังวันชี้สองสถาน จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนรถยนต์ของโจทก์ที่ 1โดยประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยต้องร่วมรับผิดด้วย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 80,111 บาท แก่โจทก์ทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์ฝ่ายเดียวขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 61,061 บาท และโจทก์ที่ 2 จำนวน 4,419 บาท รวมเป็นเงิน 65,480 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันทำละเมิดไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 60,261 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับบัญชีพยานของโจทก์ทั้งสอง ภายหลังที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้วโดยโจทก์ทั้งสองมิได้แสดงให้เห็นว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีพยานก่อนวันชี้สองสถานเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนมาตรา 88 และมาตรา 90 ก็ตามแต่ในมาตรา 87(2) นั้นเองบัญญัติต่อไปว่า “แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี โดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้” เมื่อพยานบุคคลที่โจทก์ทั้งสองระบุอ้างเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ส่วนพยานเอกสารที่โจทก์ทั้งสองระบุอ้างก็เป็นชุดเดียวกับที่จำเลยทั้งสองอ้าง ทั้งโจทก์ทั้งสองได้ยื่นบัญชีพยานและส่งสำเนาเอกสารก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสอง จึงไม่ทำให้จำเลยทั้งสองเสียเปรียบเพราะจำเลยทั้งสองสามารถนำสืบหักล้างได้ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจสั่งรับบัญชีพยานของโจทก์ทั้งสองเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงชอบแล้ว ฎีกาข้อกฎหมายของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน