แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 ย่อมเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยเฉพาะเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือเจ้าหนี้เช่นผู้ร้องหามีอำนาจที่จะเป็นผู้ร้องขอต่อศาลได้ไม่
ผู้คัดค้าน (จพท.) มิได้เป็นผู้ใช้อำนาจเพื่อร้องขอต่อศาลขอเพิกถอนการโอนตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย ฯ หากแต่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้เป็นผู้ร้องขอต่อผู้คัดค้านให้ใช้อำนาจตามมาตรา 114 ดังนั้น ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยว่าสมควรจะร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งเพิกถอนการโอนหรือไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2536 และมีคำพิพากษาให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2537 ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้และได้ยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 37573 ตำบลคลองตัน อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร และบ้านเลขที่ 82/14 ขอให้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้งดดำเนินการร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 37573 ตำบลคลองตัน อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร และสิ่งปลูกสร้างระหว่างนางนิตยา ผู้โอน กับนางโสภา ผู้รับโอน และมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยมิได้แต่งทนายความ จึงไม่กำหนดค่าทนายความให้
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องข้อแรกว่า ที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งให้งดดำเนินการร้องขอต่อศาลเพื่อให้เพิกถอนการโอนทรัพย์สินดังกล่าวระหว่างนางนิตยา ผู้โอน กับนางสาวโสภา ผู้รับโอนชอบหรือไม่ เห็นว่า การที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการร้องขอต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 นั้น ย่อมเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยเฉพาะ เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือเจ้าหนี้เช่นผู้ร้องหามีอำนาจที่จะเป็นผู้ร้องขอต่อศาลได้ไม่ สำหรับคดีนี้ ผู้คัดค้านมิได้เป็นผู้ใช้อำนาจเพื่อร้องขอต่อศาลขอเพิกถอนการโอนตามมาตรา 114 เอง หากแต่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้เป็นผู้ร้องขอต่อผู้คัดค้านให้ใช้อำนาจตามมาตรา 114 ดังนั้น ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยว่าสมควรจะร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งเพิกถอนการโอนหรือไม่ โดยการสอบสวนพยานทั้งฝ่ายผู้ร้อง ผู้โอนและผู้รับโอนเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของผู้คัดค้านก่อน คดีนี้เมื่อผู้ร้อง ผู้โอนและผู้รับโอนได้นำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเสนอตามขั้นตอนการสอบสวนต่อผู้คัดค้านแล้ว ผู้คัดค้านจึงได้ทำความเห็นโดยวินิจฉัยว่า ผู้รับโอนได้รับโอนทรัพย์สินโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน และมีคำสั่งงดการยื่นคำร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการโอนทรัพย์สินระหว่างผู้โอนและผู้รับโอน คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นการใช้ดุลพินิจของผู้คัดค้านที่สามารถจะทำได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 ส่วนปัญหาต่อไปที่ว่า คำสั่งของผู้คัดค้านดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพยานหลักฐานของผู้คัดค้านได้ความว่า นางสาวโสภาผู้รับโอนรับโอนที่ดินและบ้านมาโดยสุจริต ก่อนรับโอนนางสาวโสภาไม่เคยรู้จักกับนางนิตยาผู้ขายมาก่อน เหตุที่นางสาวโสภาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทก็เนื่องจากทราบจากนายณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาทองหล่อ ว่านางนิตยาต้องการขายที่ดินพิพาท และนางสาวกนกพรเป็นนายหน้าพานางสาวโสภาไปตกลงซื้อขายกับนางนิตยา โดยทั้งนายณรงค์และนางสาวกนกพรซึ่งเป็นพยานคนกลางต่างก็ยืนยันข้อเท็จจริงนี้ในชั้นสอบสวนของผู้คัดค้าน การโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็ได้กระทำต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาพระโขนง โดยมีค่าตอบแทนกันจริง ส่วนพยานหลักฐานของผู้ร้องในประเด็นนี้คงมีแต่เพียงตัวผู้ร้องปากเดียวที่ให้การลอย ๆ ว่า เหตุที่ทราบว่าผู้รับโอนไม่สุจริตเพราะลูกหนี้ (จำเลย) เป็นผู้บอกผู้ร้องว่านางนิตยาเป็นเพื่อนกับนางสาวโสภาโดยไม่มีพยานอื่นมาสนับสนุน พยานหลักฐานของผู้คัดค้านจึงมีน้ำหนักดีกว่าผู้ร้อง ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่านาวสาวโสภาผู้รับโอนได้รับโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากนางนิตยาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน การที่ผู้คัดค้านมีคำสั่งให้งดดำเนินการร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนการโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จึงเป็นการวินิจฉัยและมีคำสั่งไปตามเหตุผลโดยมีพยานหลักฐานสนับสนุน คำสั่งของผู้คัดค้านจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.