คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3551/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

หนังสือรับรองของบริษัทโจทก์ระบุว่า จ. หรือ ช.ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการคนใดคนหนึ่งรวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัท มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ดังนั้น เมื่อ จ. ลงลายมือชื่อร่วมกับ ช. ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งของบริษัท และประทับตราสำคัญของบริษัทในหนังสือมอบอำนาจ หนังสือมอบอำนาจย่อมใช้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินตามสัญญาซื้อขายจำนวน 58,485 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 55,700 บาท นับจากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จ จำเลยที่ 1 ให้การว่า หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องนายเจมส์ ซินฮั้ว ซู ลงลายมือชื่อ กับนายเธียรชัยอังคสุวรรณศิริ เท่านั้น ไม่ใช่นายเจมส์ ซินฮั้ว ซู หรือนายเธียรชัย อังคสุวรรศิริ ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการคนใดคนหนึ่งพร้อมประทับตราสำคัญของบริษัทตามหนังสือรับรอง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 55,700บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน55,700 บาท นับแต่เดือนสิงหาคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า นายเจมส์ซินฮั้ว ซู และนายเธียรชัย อังคสุวรรณศิริ ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัทโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจ ตามเอกสารหมายจ.2 เป็นการปฏิบัติผิดไปจากเงื่อนไขในหนังสือรับรองตามเอกสารหมายจ.1 หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงเป็นอันใช่ไม่ได้นั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.1 ระบุว่านายเจมส์ซินฮั้ว ซู หรือนายเธียรชัย อังคสุวรรณศิริ ลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการคนใดคนหนึ่งรวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัทก็มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ดังนั้น เมื่อนายเจมส์ ซินฮั้ว ซูลงลายมือชื่อร่วมกับนายเธียรชัย อังคสุวรรณศิริ ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งของบริษัทรวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ หนังสือมอบอำนาจจึงเป็นอันใช้ได้ มิได้เสียไปแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share