แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยลักเอาเงินซึ่งใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหายขณะที่วางไว้ที่โต๊ะอาหารภายในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยที่ซึ่งนักศึกษาหรือประชาชนอื่นใด ผู้ที่เข้ามาติดต่อราชการกับมหาวิทยาลัยอันมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปนั่งรับประทานอาหารได้เป็นที่ซึ่งอยู่ภายในบริเวณรั้วของมหาวิทยาลัย แต่โรงอาหารเป็นบริเวณนอกอาคารเรียนหรือนอกสถานที่ตั้งอันเป็นที่ปฏิบัติงานของราชการหรือข้าราชการตามปกติ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) จำเลยคงมีความผิดเพียงตามมาตรา 334
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2540 เวลากลางวัน จำเลยลักเอาเงินจำนวน 900 บาท ของนางสาวสุกัญญา แสงประทีปผู้เสียหายซึ่งเก็บรักษาไว้ในอาคารภายในมหาวิทยาลัยศิลปากรซึ่งเป็นสถานที่ราชการไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) และให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 900 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(8) วรรคหนึ่ง จำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน900 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ได้มีคนร้าย 1 คน ลักเอาเงินจำนวน900 บาท ซึ่งใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของนางสาวสุกัญญา แสงประทีปผู้เสียหาย ขณะที่วางไว้ที่โต๊ะอาหารภายในโรงอาหารของคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ต่อมาวันที่ 16 กันยายน 2540 พนักงานรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยศิลปากร ควบคุมตัวจำเลยไว้ฐานบุกรุกสถานที่ราชการเนื่องจากมหาวิทยาลัยศิลปากรประกาศห้ามมิให้จำเลยเข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัยโดยเด็ดขาด หลังจากนั้นฝ่ายนิติกรของมหาวิทยาลัยได้แจ้งให้นางสาวจิราพร เชื้อประดิษฐ์ พยานโจทก์ไปดูตัวจำเลยนางสาวจิราพรยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหายเจ้าพนักงานตำรวจจึงได้จับกุมจำเลยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีเงินจำนวน 900 บาท ที่ถูกคนร้ายลักไปผู้เสียหายยังไม่ได้คืน คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการแรกว่า จำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์รายนี้หรือไม่ พฤติการณ์เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหายรายนี้จริง
อนึ่ง สำหรับปัญหาที่ว่า จำเลยได้ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) หรือไม่นั้น เห็นว่าแม้โรงอาหารของมหาวิทยาลัยที่ซึ่งนักศึกษาหรือประชาชนอื่นใดผู้ที่เข้าติดต่อราชการกับมหาวิทยาลัยอันมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปนั่งรับประทานอาหารได้นั้นเป็นที่ซึ่งอยู่ภายในบริเวณรั้วของมหาวิทยาลัยแต่ก็เป็นบริเวณนอกอาคารเรียนหรือนอกสถานที่ตั้งอันเป็นที่ปฏิบัติงานของราชการหรือข้าราชการตามปกติ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าว คงมีความผิดเพียงตามมาตรา 334 ซึ่งศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 ให้จำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 900 บาท แก่ผู้เสียหาย