แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องผู้บังคับกองตำรวจภูธร ในฐานะนายทะเบียนคนต่างด้าว อ้างว่าจำเลยบังคับให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ขอให้แสดงว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย ใบสำคัญเป็นโมฆะ ให้ห้ามจำเลยอย่าให้บังคับให้ต่ออายุเช่นนี้ แม้โจทก์จะเป็นคนไทย แต่เมื่อทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้บังคับโจทก์ให้ชำระค่าธรรมเนียมต่อายุหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ยังไม่มีอำนาจฟ้องร้องขอให้บังคับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และบิดาโจทก์เป็นคนสัญชาติไทยตามกฎหมาย เมื่อพ.ศ. ๒๔๘๐ บิดาโจทก์ได้ขอจดทะเบียนต่างด้าวให้โจทก์โดยการหลงผิด เจ้าพนักงานได้ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมา พ.ศ.๒๕๐๕ จำเลยซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวสถานีตำรวจภูธรจังหวัดระนองได้บังคับให้โจทก์นำเงินไปชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้เสร็จภายในกำหนด ถ้าไม่ชำระจะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีอาญา อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์เป็นคนสัญชาติไทยและใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวดังกล่าวเป็นโมฆะ และขอให้ห้ามจำเลยอย่าให้บังคับโจทก์ให้เสียค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวอีกต่อไป
จำเลยให้การว่า โจทก์และบิดามารดาเป็นคนสัญชาติจีน โจทก์ขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวด้วยความสมัครใจของโจทก์เอง และขอต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตลอดมา ๒๐ ปี เศษแล้ว จำเลยไม่ได้แจ้งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญ ฯ เลย โจทก์เป็นคนต่างด้าวจึงไม่มีสิทธิจะโต้แย้งฝ่าฝืนข้อบังคับแห่งกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง และพิพากษาว่า ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่ออกให้โจทก์สมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยจะได้พูดบังคับโจทก์ว่า ถ้าโจทก์ไม่เสียค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญคนต่างด้าวก็จะจับกุมและฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ และเห็นว่าถ้าโจทก์เป็นคนไทย การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบทะเบียนคนต่างด้าวให้โจทก์ หาได้ทำให้โจทก์เปลี่ยนสัญชาติไปไม่ เพราะการจดทะเบียนคนต่างด้าวย่อมเป็นแต่เพียงหลักฐานขั้นหนึ่งเท่านั้นว่าผู้จดเป็นคนต่างด้าว แต่สัญชาติที่แท้จริงย่อมอยู่กับกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ หาจำเป็นจะต้องมีการแสดงของ+ไม่ ฉะนั้น แม้โจทก์จะเป็นคนสัญชาติไทยจริงดังกล่าวอ้าง แต่จำเลยก็หาได้โต้แย้งสิทธิของ+ประการใดไม่ ยังไม่เกิดอำนาจฟ้องร้อง๔ขอให้บังคับจำเลยได้ตามมาตรา ๕๕ แห่งประมวล+วิธีพิจารณาความแพ่ง ความนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๑๗/๒๔๙๕ จึงพิพากษายืน