คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สลากกินแบ่งของโจทก์หายไป จำเลยซึ่งเป็นพ่อค้าจำหน่ายสลากกินแบ่งรับซื้อไว้โดยเปิดเผย และโดยสุจริต ไม่ทราบว่าเป็นสลากกินแบ่งของโจทก์ที่หายไปเช่นนี้ เมื่อผู้ขายมิใช่เจ้าของสลากและไม่มีอำนาจจะเอามาขายได้ จำเลยผู้รับซื้อก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในสลากินแบ่งนั้น
คำว่า ท้องตลาด ตามมาตรา 1332 หมายถึง “ที่ชุมนุมแห่งการค้า” ที่ใดเป็นที่ชุมนุมการค้าหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล เลขที่ ๐๙๗๗๙๒ ส่วนที่ ๑ แต่ได้ถูกคนร้ายลักไป ปรากฏว่าสลากกินแบ่งนี้ถูกรางวัลที่ ๔ เป็นเงิน ๒,๕๐๐ บาท ต่อมาคนร้ายได้นำสลากกินแบ่งนี้ไปขายให้จำเลย ขอให้บังคับจำเลยคืนและสั่งห้ามมิให้จำเลยนำสลากไปขอรับเงินรางวัล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งครึ่งใบจริง จำเลยเป็นพ่อค้าจำหน่ายสลากินแบ่ง ได้ซื้อสลากจากใครคนหนึ่งซึ่งเอาสลากมาขึ้นเงิน ผู้นั้นจะเป็นพ่อค้าขายของชนิดนั้นหรือไม่ จำเลยสืบไม่ได้ และจำเลยจะอ้างเหตุว่าซื้อสลากพิพาทโดยสุจริตในห้องตลาดไม่ได้ เพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ พิพากษาให้จำเลยคืนสลากกินแบ่งรายพิพาทให้โจทก์ ห้ามมิให้จำเลยนำสลากพิพาทไปขอรับรางวัลจากเจ้าหน้าที่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เดิมสลากแบ่งพิพาทเป็นของโจทก์และได้หายไป มีผู้ได้สลากฉบับนี้ไปโดยมิชอบ และนำไปขายให้จำเลย แม้จำเลยจะรับซื้อไว้โดยเปิดเผย เสียค่าตอบแทนโดยสุจริต และโดยไม่ทราบว่าเป็นสลากกินแบ่งที่หายมาก็ตาม จำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในสลากพิพาท เพราะผู้ขายสลากให้จำเลยมิใช่เจ้าของสลากอันแท้จริง ไม่มีอำนาจจะเอาสลากนั้นมาขายให้จำเลย เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์เท่านั้นเป็นผู้มีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของเรา และจำเลยจะอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา ๑๓๐๓ วรรค ๑ ก็ไม่ได้ เพราะวรรค ๒ ของมาตรานี้ก็ระบุอยู่ว่ามิให้ใช้บังคับในเรื่องทรัพย์สินหายหรือได้มาโดยการกระทำผิด
เห็นว่า คำว่า ท้องตลาด ตามมาตรา ๑๓๓๒ หมายถึง “ที่ชุมนุมแห่งการค้า” ที่ใดเป็นที่ชุมนุมการค้าหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป คดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังต้องกันมา บริเวณที่จำเลยตั้งร้านจำหน่ายสลากกินแบ่ง มิใช่ที่ชุมนุมการค้าซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยจึงฎีกาข้อนี้มิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎฆมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๔๘ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share