คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแขวงพิพากษาฟ้องโดยวินิจฉัยว่า คดีเกินอำนาจโจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่จำเลยกลับอุทธรณ์ว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาคดีนั้นได้ แต่ภายหลังจำเลยบางคนขอถอนฟ้องอุทธรณ์เฉพาะตัว ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ขอถอน ถอนฟ้องอุทธรณ์ไปได้ คงพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยคนก่อน แล้วพิพากษาว่าศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ให้ศาลแขวงดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้เฉพาะตัวจำเลยที่ถอนอุทธรณ์คดีนั้นถึงที่สุดแล้วตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 202 โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ถอนอุทธรณ์มาดำเนินการพิจารณารวมเป็นคดีเดียวกันจำเลยอื่นตามคำฟ้อง
เดิมของโจทก์อีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามฐานปลอมหนังสือและฉ้อโกงตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๒๓, ๓๐๔, ต่อศาลแขวงพระนครใต้
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลแขวงพระนครใต้ ทำการพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว สั่งงดสืบพยานฟังว่า หนังสือที่ปลอมเป็นหนังสือสำคัญในราชการ รูปคดีมีอัตราโทษจำคุกเกินกว่า ๓ ปี ศาลแขวงไม่มีอำนาจพิจารณา จึง พิพากษายกฟ้อง
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ศาลไม่ควรให้โอกาสโจทก์ฟ้องใหม่ อันจะทำให้จำเลยเสียเปรียบและได้รับโทษหนัก
ก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษา จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ขอถอนอุทธรณ์เฉพาะจำเลยทั้ง ๒ ศาลอุทธรณ์อนุญาตแล้ววินิจฉัยปัญหาแห่งคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๑ และพิพากษาว่า เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ไม่เกินอำนาจศาลแขวง ศาลแขวงรับพิจารณาได้ จึงยกให้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา, – ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลแขวง สั่งนัดสืบพยานโจทก์ต่อไป โจทก์คำร้องขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ มาดำเนินการพิจารณาพิพากษารวมเป็นคดีเดียวกับจำเลยที่ ๑ ด้วยศาลแขวงสั่งว่า คดีสำหรับตัวจำเลยที่ ๒ – ๓ ได้ถึงที่สุดแล้ว ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่า คดีสำหรับตัวจำเลยที่ ๒ -๓ นั้น โจทก์มิได้อุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ก็ได้อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ – ๓ อุทธรณ์ คดีสำหรับตัวจำเลยที่ ๒ – ๓ จึงถึงที่สุดแล้สตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๐๒ คดีถอนที่จะรื้อฟื้นคดีสำหรับตัวจำเลย ๒ – ๓ มาพิจารณาตามฟ้องเดิมของโจทก์ได้
จึงพิพากษายืน

Share