แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่ถือว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยที่ 1 ร้องให้ช่วย จำเลยที่ 2 จึงเอาเหล็กงัดยางกว้าง 2 นิ้ว หนา1 กระเบียด ยาวศอกเศษ ตีผู้ตายที่ศีรษะและดั้งจมูกโดยแรง จนผู้ตายล้มฟุบแล้ว จำเลยที่ 1 ก็เอามีดซึ่งหลุดจากมือผู้ตายมาแทงผู้ตายและผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและจำเลยที่ 2 ก็เป็นตัวการในการกระทำความผิดนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่ถือว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยที่ 1 โดยชอบด้วยกฎหมายเพราะจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้ไม้ตะบอง  เหล็กงัดยางรถยนต์ และมีดปลายแหลมเป็นอาวุธ  ตีและแทงทำร้ายนายสุดชา  วุฒิงาม  โดยเจตนาฆ่า  ทำให้นายสุดชาได้รับบาดแผลเป็นอันตรายแก่กายถึงสาหัสและถึงแก่ความตายด้วยบาดแผลที่ถูกทำร้ายนั้น  ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๒๙๗, ๘๓  และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า  จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๓    ให้จำคุกคนละ ๑๖ ปี  ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า   จำเลยที่ ๑  และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน  ไม่ถือว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม   จำเลยที่ ๑ จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา  เพราะฉวยโอกาสแทงในขณะที่ผู้ตายล้มฟุบอยู่และเลือกแทงในที่สำคัญจนผู้ตายถึงแก่ความตาย  ส่วนจำเลยที่ ๒  เมื่อจำเลยที่ ๑ ร้องให้ช่วย  จำเลยที่ ๒ จึงเอาเหล็กงัดยางกว้าง ๒ นิ้ว  หนา ๑ กระเบียด  ยาวศอกเศษ  ตีผู้ตายที่ศีรษะและดั้งจมูกโดยแรงจนดั้งจมูกยุบ  จำเลยที่ ๒  ได้รู้เห็นว่าจำเลยที่ ๑ และผู้ตายสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน     จำเลยที่ ๒ จะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยที่ ๑ โดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้  พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๒ ที่กระทำลงไปได้ชื่อว่าจำเลยที่ ๒ ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ในการกระทำความผิด  จึงเป็นตัวการในการกระทำความผิดนั้นด้วย  ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๘๓
พิพากษายืน
