แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่ประเด็นสำคัญแห่งคดีมีอยู่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงหรือไม่แล้วจำเลยมาฎีกาว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยได้เคยเอาที่ดินที่เคยเช่าวัดบางส่วนกับเอาที่ดินของวัดที่ไม่ได้เช่าบางส่วนไปรวมออกโฉนดจริงหรือไม่ เช่นนี้เมื่อประเด็นที่จำเลยว่าสำคัญเป็นประเด็นที่จำเลยยกกล่าวอ้างขึ้นมาเองเพื่อจะให้เข้ากับกฎหมายที่ประสงค์จะอ้างอิงและเพื่อที่จะให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ยกขึ้นนั้นดังนี้ เป็นฎีกาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นที่ธรณีสงฆ์ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ลักลอบเอาที่ดินของโจทก์ที่จำเลยที่ 1 เคยเช่าบางส่วนและมิได้เคยเช่าบางส่วนไปขอออกโฉนดเลขที่ 2542 แล้วยกให้จำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าที่ดินโฉนดที่ 2542 เป็นที่ธรณีสงฆ์ทำลายโฉนดดังกล่าวฯ
จำเลยให้การว่า ที่ดินที่จำเลยที่ 1 ขอออกโฉนดเป็นโฉนดที่2542 เป็นของจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โฉนดเลขที่ 2542 และนิติกรรมที่จำเลยที่ 1 ยกที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 เป็นโมฆะ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาแล้ว คดีมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาจำเลยมีใจความสำคัญว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้ามประเด็นที่เป็นปัญหากฎหมายตามฟ้องอุทธรณ์ข้อ 2 วินิจฉัยแต่ข้อเท็จจริง และวินิจฉัยคลุม ๆ ว่าที่พิพาทเป็นที่ที่จำเลยที่ 1 เช่าทั้งหมด ขัดกับฟ้องและหลักฐานในท้องสำนวน น่าจะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141(5), 142 วรรคแรก, 246 และฎีกาที่ 218/2484 ตามฟ้องอุทธรณ์ข้อ 2 มีประเด็นสำคัญประเด็นเดียวเท่านั้น คือ นายเพี้ยนจำเลยได้เอาที่ดินที่เคยเช่าวัดบางส่วนกับเอาที่ดินของวัดที่ไม่ได้เช่าบางส่วนไปรวมออกโฉนดรายพิพาทจริงตามฟ้องของโจทก์หรือไม่ได้พิเคราะห์ฎีกาจำเลยแล้ว เห็นว่าประเด็นสำคัญแห่งคดีมีอยู่ว่าที่พิพาทตามแผนที่วิวาทภายในเส้นสีเขียวหรือที่พิพาทตามโฉนดที่ 2542 เป็นของโจทก์จริงหรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่ว่านายเพี้ยนได้เอาที่ดินที่เคยเช่าวัดบางส่วนกับเอาที่ดินของวัดที่ไม่ได้เช่าบางส่วนไปรวมออกโฉนดจริงหรือไม่ ประเด็นที่จำเลยว่าสำคัญเป็นประเด็นที่จำเลยยกกล่าวอ้างขึ้นมาเอง เพื่อจะให้เข้ากับกฎหมายที่ประสงค์จะอ้างอิงและเพื่อที่จะให้ศาลวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ยกขึ้นนั้น ดังนี้ เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 พิพากษายกฎีกาจำเลย