คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การได้มาซึ่งสิทธิอาศัยอันเป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยพินัยกรรม เป็นการได้สิทธิมาโดยนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคต้น
จำเลยร่วมมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งสิทธิอาศัยกับพนักงานเจ้าหน้าที่สิทธิอาศัยของจำเลยร่วมจึงไม่บริบูรณ์
การที่จำเลยเข้าอยู่ในเรือนพิพาทเพราะจำเลยร่วมให้เข้าอยู่แทนตน โดยโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมผู้หนึ่งมิได้ยินยอมเป็นการละเมิดต่อโจทก์
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2514)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๖๓๙ พร้อมด้วยเรือนเลขที่ ๒๘ เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ร่วมกับนางสาวมยูร และนายเชาวลิต โจทก์อนุญาตให้นางนามเข้าอยู่อาศัยในเรือนดังกล่าว ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ นางนามฟ้องโจทก์กับพวกแย่งกรรมสิทธิ์เรือนและที่ดินรายนี้โจทก์จึงห้ามนางนามมิให้เกี่ยวข้องกับเรือนนี้ต่อไป ระหว่างคดีดังกล่าว นางนามได้นำจำเลยพร้อมด้วยครอบครัวเข้ามาอาศัยในเรือนนี้ โจทก์ให้จำเลยทำสัญญาเช่าหรือขออาศัย จำเลยก็ไม่ยอมทำ ขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวารออกจากเรือนพิพาท และห้ามเกี่ยวข้อง กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าที่ดินและเรือนตามฟ้องเป็นของนางสาวเครือวัลย์ได้มาโดยรับมรดกจากพระพิชัยเดชะบิดาตามพินัยกรรม พินัยกรรมระบุให้นางนามมีสิทธิอาศัยอยู่ตลอดชีวิตจำเลยเข้าอยู่ในที่ดินและเรือนนี้ในฐานะบริวารของนางนาม
ศาลชั้นต้นหมายเรียกนางนามเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
จำเลยร่วมให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยร่วมเป็นน้องร่วมบิดามารดาของพระพิชัยฯ เจ้าของที่ดินและเรือนตามฟ้อง พินัยกรรมของพระพิชัยเดชะระบุให้จำเลยร่วมมีสิทธิอาศัยอยู่ตลอดชีวิต จำเลยเป็นบุคคลในครัวเรือนของจำเลยร่วม จึงมีสิทธิอาศัยด้วย แม้โจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทก็ต้องรับสิทธิอาศัยของจำเลยร่วมไปด้วย ขอให้บังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิอาศัยของจำเลยร่วมในที่ดินและโรงเรือน
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สิทธิอาศัยของจำเลยร่วมหากมีอยู่จริงก็ไม่ได้จดทะเบียนใช้ยันโจทก์ไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าสิทธิอาศัยมีได้เฉพาะในโรงเรือนเท่านั้นที่จำเลยร่วมฟ้องแย้งให้ศาลบังคับโจทก์เกี่ยวกับสิทธิอาศัยในที่ดินด้วยจึงอยู่นอกขอบเขตแห่งกฎหมาย โจทก์ครอบครองที่ดินและเรือนพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว สิทธิอาศัยในเรือนพิพาทตามพินัยกรรมย่อมสูญสิ้นไปสิทธิอาศัยเป็นสิทธิเฉพาะตัว แม้จำเลยร่วมมีสิทธิอาศัยก็ไม่มีสิทธิให้จำเลยเข้าอยู่ในเรือนแทนตนได้ การกระทำของจำเลยละเมิดต่อโจทก์พิพากษาขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนพิพาทและห้ามเกี่ยวข้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ ๒๕๐ บาท ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๐๖ จนกว่าจะออกไป ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยร่วม ให้จำเลยและจำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ ๓๐๐ บาทแทนโจทก์
จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า ให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิอาศัยในเรือนพิพาทให้แก่จำเลยภายในกำหนด ๓๐ วัน หากไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนา ค่าธรรมเนียมค่าทนายความทั้งสองศาลระหว่างโจทก์จำเลยเป็นพับ
โจทก์จำเลยและจำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า การที่จำเลยร่วมได้มาซึ่งสิทธิอาศัยอันเป็นทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยพินัยกรรมเป็นการได้สิทธิมาโดยนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙ วรรคต้น จำเลยร่วมมิได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งสิทธิอาศัยกับพนักงานเจ้าหน้าที่สิทธิอาศัยของจำเลยร่วมจึงไม่บริบูรณ์ การที่จำเลยเข้าอยู่ในเรือนพิพาทเพราะจำเลยร่วมให้อยู่แทนโดยโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมผู้หนึ่งมิได้ยินยอม เป็นการเข้าอยู่โดยไม่มีสิทธิ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่จำต้องวินิจฉัยข้ออื่น ๆ ต่อไป
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share