คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารโจทก์โดยรับรู้และยินยอมผูกพันกับโจทก์ตามระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ เมื่อระเบียบดังกล่าวมีระบุไว้ด้วยว่าถ้าธนาคารได้ผ่อนผันจ่ายเงินให้ไปเกินบัญชี ผู้ฝากต้องยินยอมรับผูกพันตนต่อธนาคารในอันที่จะจ่ายเงินส่วนที่เกินพร้อมทั้งดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนตามประเพณีการค้าของธนาคารในอัตราขั้นสูงสุดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดโดยถือเสมือนหนึ่งผู้ฝากได้ตกลงเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคาร ดังนี้ เมื่อจำเลยสั่งจ่ายเช็คถอนเงินเกินกว่าจำนวนเงินที่จำเลยมีอยู่ในบัญชี และโจทก์ได้ผ่อนผันจ่ายให้ไป จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เสมือนโจทก์กับจำเลยมีสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีต่อกัน โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงเปิดบัญชีเดินสะพัดประเภทเงินฝากกระแสรายวันไว้กับโจทก์ โดยยินยอมผูกพันกับโจทก์ตามระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้สั่งจ่ายเช็คถอนเงินจากบัญชีและเข้าบัญชีหลายครั้ง ทำให้บัญชีเดินสะพัดเรื่อยมาโจทก์คิดดอกเบี้ยจากยอดเงินที่จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ตามบัญชีอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ทบต้นเป็นรายเดือนตลอดมา ถึงวันที่ 31มกราคม 2521 จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ 122,568.68 บาท โจทก์ทวงถามจำเลยไม่ชำระจึงต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี(ไม่ทบต้น) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2521 จนกว่าจะชำระเสร็จจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าว

จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่มีบัญชีเดินสะพัดกับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้น โจทก์จ่ายเงินไปตามเช็คเป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกคืนจากจำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 125,691.62บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 122,568.68 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.2 ระบุไว้ตอนท้ายความว่า จำเลยที่ 1 ได้ทราบประเพณีการค้าของธนาคารและระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ และยินยอมผูกพันตามประเพณีและระเบียบการที่โจทก์ได้กำหนดไว้ ตามระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ข้อ 27 ระบุว่า ถ้าเงินในบัญชีของผู้ฝากมีไม่พอจ่ายตามเช็คโดยปกติธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงินโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อธนาคารได้ผ่อนผันจ่ายเงินให้ไป ผู้ฝากต้องยินยอมรับผูกพันตนต่อธนาคารในอันที่จะจ่ายเงินส่วนที่เกินพร้อมทั้งดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนตามประเพณีการค้าของธนาคาร ในอัตราขั้นสูงสุดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด คืนให้ทันทีเมื่อทราบโดยถือเสมือนหนึ่งผู้ฝากได้ตกลงเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคาร” ประกอบกับจำเลยได้เบิกเงินเกินบัญชีไปจากโจทก์เป็นเวลา 4 เดือนเศษ แสดงว่าโจทก์กับจำเลยปฏิบัติต่อกันตามระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันข้อ 27 เพราะตามปกติการขอเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันถ้าไม่มีข้อตกลงเบิกเงินเกินบัญชีหรือระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันประกอบแล้ว ผู้ฝากก็ไม่มีสิทธิเบิกเงินเกินบัญชี และธนาคารย่อมจะไม่จ่ายให้ ตามหลักฐานและพฤติการณ์ที่โจทก์กับจำเลยปฏิบัติต่อกัน ฟังได้ว่าจำเลยได้รับและทราบระเบียบการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ดีแล้ว จึงยินยอมเข้าผูกพันกับโจทก์ด้วยการเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เมื่อจำเลยสั่งจ่ายเช็คถอนเงินเกินกว่าจำนวนเงินที่จำเลยมีอยู่ในบัญชีและโจทก์ผ่อนผันจ่ายให้ไปจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เสมือนโจทก์กับจำเลยมีสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีต่อกันโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้น

พิพากษายืน

Share