คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3586/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้องโจทก์จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงดังกล่าวคงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยดังข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเป็นความผิดสองกรรมศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเพียงกรรมเดียวเป็นการไม่ถูกต้อง ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับจำหน่ายเฮโรอีนจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดสองกรรมแม้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน ศาลก็ต้องเรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยได้บังอาจมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ หนัก ๐.๓๙ กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยได้บังอาจจำหน่ายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์แก่ผู้มีชื่อจำนวน ๒ หลอด ราคา ๔๐ บาท โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนและเงินสด ๔๐บาท เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. ๒๕๒๒ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ จำคุกจำเลย ๕ ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน ริบเฮโรอีนของกลาง คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้เรียงกระทงลงโทษ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนไป ๒ หลอดและยังคงเหลือไว้ในครอบครองของจำเลยอีก ๑๐ หลอดนั้น แยกการกระทำของจำเลยได้เป็นสองกรรมต่างหากจากกันเป็นสองกระทงความผิด พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคแรกฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก ๕ ปี กระทงหนึ่งและฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก ๕ ปี อีกกระทงหนึ่งรวมจำคุก ๑๐ ปีจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนนั้นเมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายเฮโรอีนจริงดังโจทก์ฟ้อง จำเลยก็มิได้อุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงดังกล่าว คงมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยดังข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยนั้นเป็นความผิดสองกรรม แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเพียงกรรมเดียวเป็นการไม่ถูกต้อง ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับจำหน่ายเฮโรอีนจึงเป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดสองกรรม แม้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑ มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทและหลายกรรมต่างกัน ศาลจึงต้องเรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ ดังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน

Share