คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ที่ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 จัตวา(3) ต้องเป็นบุคคลที่ไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้ผู้ร้องที่ 1 เป็นจำเลยและลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งถูกบังคับคดีให้ขับไล่และต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลแม้จะอ้างว่ายื่นเข้ามาในฐานะภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ อ. สามีซึ่งถึงแก่กรรมที่ได้ร่วมกันครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาท แต่เมื่อผู้ร้องที่ 1 เป็นจำเลยในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่และมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่ ผู้ร้องที่ 1 จึงเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ส่วนผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 เป็นบุตรของจำเลย (คนเดียวกับผู้ร้องที่ 1) จึงเป็นบริวารของจำเลย กรณีไม่อาจอ้างฐานะอื่นเพื่อแสดงอำนาจพิเศษให้หลุดพ้นจากการถูกบังคับคดีตามคำพิพากษาได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2543ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด โดยให้จำเลยพร้อมทั้งบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 89/1หมู่ที่ 15 ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 14607 ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสามเป็นบุคคลภายนอกคดีและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 14607 โดยการครอบครองปกปักษ์ด้วยการเป็นผู้รับมรดกรับช่วงสิทธิในที่ดินจากนายอัครเดช แซ่จึง สามีของผู้ร้องที่ 1 กับเป็นบิดาของผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วและได้ครอบครองสืบสิทธิรวมเป็นเวลา 11 ปีเศษผู้ร้องทั้งสามมิใช่บริวารของจำเลย จึงไม่ต้องถูกบังคับคดี ขอให้งดการบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องทั้งสามอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์โดยอาศัยสิทธิของนายอัครเดช และมิได้ร่วมกันครอบครองที่ดินต่อเนื่องกันมาเกิน 10 ปี ผู้ร้องทั้งสามเป็นบริวารของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสาม
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องทั้งสามแสดงอำนาจพิเศษว่าได้สิทธิครอบครองปรปักษ์ในที่ดินพิพาทโดยมิใช่บริวารของจำเลยหรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา(3) บัญญัติว่า “…ให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาล…” ดังนั้นผู้ที่ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวต้องเป็นบุคคลที่ไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น แต่คดีนี้ผู้ร้องที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งถูกบังคับคดีให้ขับไล่และต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาล แม้ผู้ร้องที่ 1จะอ้างว่ายื่นคำร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีในฐานะภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายอัครเดช แซ่จึง สามีซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว โดยผู้ร้องที่ 1 กับนายอัครเดชสามีได้ร่วมกันครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทนั้น แต่โดยที่ผู้ร้องที่ 1 เป็นจำเลยในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่และมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่ผู้ร้องที่ 1 ผู้ร้องที่ 1 จึงเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ไม่อาจกล่าวอ้างฐานะอื่นเพื่อแสดงอำนาจพิเศษให้หลุดพ้นจากการถูกบังคับคดีตามคำพิพากษาได้ ส่วนผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ได้ความว่า เป็นบุตรของจำเลย เคยพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 89/1 ในที่ดินพิพาทก็โดยอาศัยสิทธิในฐานะเป็นบุตรผู้เยาว์ของจำเลยในชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น ต่อมาผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ย้ายไปศึกษาเล่าเรียนที่จังหวัดชลบุรีและได้แจ้งย้ายเข้าบ้านเลขที่ดังกล่าวเมื่อปี 2536 ตามสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ร.2 พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 มิได้ครอบครองปรปักษ์บ้านและที่ดินพิพาทแต่อย่างใด คงอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทก็โดยสิทธิที่เป็นบุตรของจำเลย หามีอำนาจพิเศษไม่ ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นบริวารของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสามมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share