คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความประพฤติ ฯลฯตลอดจนสภาพสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับตัวจำเลยนั้น มิใช่เรื่องที่ศาลสั่งให้มีการสืบพยานเกี่ยวกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องว่าเป็นความผิด แต่เป็นเรื่องสืบเสาะข้อเท็จจริงเพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาโทษและวิธีการที่จะปฏิบัติต่อจำเลยเท่านั้น ถึงแม้ตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2522 มาตรา13 ศาลจะมีอำนาจรับฟังรายงานของพนักงานคุมประพฤติตามมาตรา 11 โดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบก็ตาม แต่ก็เป็นพยานสำหรับการพิจารณาเรื่องโทษและวิธีการที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดเท่านั้น หาใช่พยานหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยการกระทำที่ถูกฟ้องด้วยไม่ จึงนำข้อเท็จจริงจากรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาเป็นเหตุยกฟ้องไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต กับร่วมกันพกพาอาวุธปืนและยิงปืนโดยไม่มีเหตุสมควรและใช้เหตุในเมือง หมู่บ้าน ที่ชุมชนขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2517 มาตรา 3 คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 376, 83 ขอให้ริบของกลาง

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า มิได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธปืน กระสุนปืน และร่วมพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2เฉพาะข้อหาฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งอาวุธปืน กระสุนปืน และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า ศาลจะนำข้อเท็จจริงจากรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 มิได้กระทำผิดตามฟ้องได้หรือไม่ ปรากฏว่าคดีนี้โจทก์จำเลยไม่สืบพยานก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้มีคำสั่งตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2523 ว่า “เนื่องจากศาลประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติ ความประพฤติ ฯลฯ ตลอดจนสภาพสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับตัวจำเลยจึงให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยนี้แล้วรายงานให้ทราบภายใน 15 วัน” วันที่ 28 พฤษภาคม 2523 พนักงานคุมประพฤติส่งรายงานการสืบเสาะและพินิจให้ศาลทราบ โดยในรายงานของพนักงานคุมประพฤติมีข้อเท็จจริงให้เห็นว่า จำเลยที่ 2 มิได้กระทำผิดด้วย ดังนี้ เห็นว่าตามคำสั่งศาลเห็นได้ว่า มิใช่เรื่องที่ศาลสั่งให้มีการสืบพยานเกี่ยวกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องว่าเป็นความผิด แต่เป็นเรื่องสืบเสาะข้อเท็จจริงเพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาโทษและวิธีการที่จะปฏิบัติต่อจำเลยเท่านั้น ถึงแม้ตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2522 มาตรา 13 ศาลจะมีอำนาจฟังรายงานของพนักงานคุมประพฤติตามมาตรา 11 โดยไม่ต้องมีพยานบุคคลประกอบ ฯลฯ ซึ่งอาจจะเป็นพยานหลักฐานที่มาสู่ศาลโดยชอบก็ตาม แต่ก็เป็นพยานหลักฐานสำหรับการพิจารณาเรื่องโทษและวิธีการที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิดเท่านั้น หาใช่พยานหลักฐานที่จะนำมาวินิจฉัยการกระทำที่ถูกฟ้องด้วยไม่ การที่ศาลอุทธรณ์นำข้อเท็จจริงจากรายงานของพนักงานคุมประพฤติมาวินิจฉัยยกฟ้องจำเลยที่ 2 จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

Share