คำสั่งคำร้องที่ 2169/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาไม่รับเป็นฎีกาโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าพินัยกรรมเป็นพินัยกรรมปลอมให้ริบเสีย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าพินัยกรรมไม่ปลอมจึงไม่ริบ เป็นกรณีศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ส่วนการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นนอกจากเป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกันตามที่ศาลชั้นต้นฟังว่าพินัยกรรมเป็นของปลอมแต่จำเลยไม่รู้ว่าเป็นพินัยกรรมปลอม จึงพิพากษายกฟ้อง ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าพินัยกรรมเป็นของเจ้ามรดกทำขึ้นจริง พิพากษายกฟ้องนั้น โจทก์ร่วมเห็นว่าเป็นกรณีศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 181)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,266,268,83,91 ฯลฯ
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นายสราวุธ ณ นคร ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 170)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 175)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมพินัยกรรมและใช้พินัยกรรมปลอม ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าพินัยกรรมรายพิพาทปลอม แต่จำเลยรับพินัยกรรมมาจากผู้อื่นนำไปอ้างต่อศาลเนื่องจากจำเลยรับมรดกตามพินัยกรรม จำเลยอาจไม่รู้ว่าพินัยกรรมปลอมจึงไม่มีเจตนากระทำผิด พิพากษายกฟ้องโจทก์ ริบพินัยกรรมปลอมแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า พินัยกรรมรายพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอม พิพากษายกฟ้องแต่ไม่ริบพินัยกรรมของกลางศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และฎีกาของโจทก์ร่วมเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share