คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์ให้ใช้ราคาทรัพย์ 2,360 บาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์เป็นของจำเลย จำเลยฎีกาทางอาญาไม่ได้ และศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์เป็นของจำเลยจำเลยไม่ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ 20 ปีมานี้โจทก์ที่ 1 ได้ขายที่ดินโฉนดที่ 875 เนื้อที่ 5 ไร่ 3 งาน 30 วา อยู่บ้านดงแขวนตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ให้แก่โจทก์ ที่ 2 โดยมิได้จัดการโอนกันให้ถูกต้องตามกฎหมายแต่โจทก์ที่ 2 ได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่รายนี้ตลอดมา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2496 เวลากลางวันจำเลยทั้ง 5 คนสมคบกันลักตัดฟันต้นยางซึ่งอยู่ในที่ของโจทก์ไป 2 ต้น ราคาประมาณ 2,000 บาท รวมทั้งกิ่งซึ่งใช้เป็นประโยชน์ในการทำฟืนราคา 360 บาท เหตุเกิดที่ตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายกจึงขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288, 293(11) 324และ 63 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 2,360 บาทแก่โจทก์ด้วย

ศาลจังหวัดนครนายกไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องของโจทก์ไว้เฉพาะนายดี ปากพลีนอก จำเลยที่ 1 คนเดียวในข้อหาฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ได้ตัดฟันต้นยางตามฟ้องจริง เพราะอยู่ในที่ดินของจำเลยซึ่งได้รับซื้อไว้จากการขายทอดตลาดของศาลในคดีแพ่งเลขแดงที่ 96/2482 ของศาลจังหวัดนครนายก และศาลให้อำเภอปากพลีทำสัญญาซื้อขายให้เป็นหลักฐานแล้ว จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาจนบัดนี้ เป็นเวลาประมาณ 13-14 ปีแล้วและการตัดฟันไม้ยางนี้จำเลยก็ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานแล้ว

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เชื่อว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้ตามสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2483 ทั้งจำเลยได้ครอบครองที่ดินแปลงนี้ตลอดมาจนบัดนี้ จำเลยได้อำนาจครอบครองปรปักษ์ตาม มาตรา 1382แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ยกอุทธรณ์โจทก์และให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายในชั้นอุทธรณ์ 80 บาทแทนจำเลยด้วย

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง

ศาลฎีกาตรวจปรึกษาสำนวนนี้แล้วเห็นว่า ฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ห้ามไม่ให้โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยส่วนคำขอที่ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามฟ้องนั้น แม้ทุนทรัพย์จะเกินกว่า 2,000 บาทก็ดี แต่ประเด็นของความผิดฐานลักทรัพย์ในคดีเรื่องนี้มีว่าต้นยางที่จำเลยตัดฟันเป็นของโจทก์หรือของจำเลยศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าต้นยางเป็นของจำเลย จึงชี้ขาดว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 บัญญัติว่า “ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาส่วนอาญา” ฉะนั้นคดีนี้ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาทางอาญาว่าต้นยางที่โจทก์ฟ้องเป็นของจำเลยไม่มีทางที่จะให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

คงพิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์ ให้โจทก์เสียค่าทนายชั้นศาลนี้แทนจำเลย 100 บาท

Share