แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดี+คำพิพากษาถึงที่สุดตามสัญญาประนีประนอมให้แบ่งที่ดินกันระหว่างคู่ความเป็นส่วน ๆ แต่ชั้นบังคับคดีเกิดมีปัญหาในเรื่องเนื้อที่ของที่ดินที่จะแบ่งและศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งชี้ขาดไปแล้ว หากคู่ความเห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่ถูกต้องประการใดก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปจะฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ได้เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
เดิมโจทก์เคยฟ้องจำเลยตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๗๒/๒๔๙๕ ของศาลจังหวัดชลบุรี โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดเนื้อที่ ๑๐-๑-๘๐ ไร่ ร่วมกับจำเลยและนายผิว ได้แบ่งกันครอบครองเป็นส่วนสัดมา ๒๐ ปีแล้ว ต่อมานายผิวตาย โจทก์ผู้เดียวรับมรดกนายผิว โจทก์จะขอแบ่งโฉนดจำเลยคัดค้าน จึงขอให้ศาลแบ่งให้ ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าที่ดินตอนที่ล้อมรั้วเป็นเขตอยู่ทางใต้ ให้นางจี่น้องสาวของโจทก์จำเลยส่วนที่เหลือแบ่งให้โจทก์ ๒ ส่วน จำเลย ๒ ส่วน ส่วนของจำเลยอยู่ทางตวันตกโดยวัดลากเส้นจากเหนือมาใต้ ศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ต่อมาโจทก์ร้องว่าจำเลยไม่ยอมให้เจ้าพนักงานรังวัดแบ่ง ศาลนัดพร้อมกันจำเลยว่ายินยอมให้แบ่ง แต่ยังเข้าใจผิดกันในเรื่องเขตในที่สุดศาลไกล่เกลี่ยให้รังวัดที่ของนางจี่ได้เนื้อที่เท่าไรเสียก่อนแล้ว หักจาก ๑๐-๑-๘๐ ไร่ เนื้อที่ ๆ เหลือให้คำนวนเป็น ๓ ส่วน โจทก์ได้ ๒ ส่วน จำเลย ๑ ส่วน ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าที่ดินโฉนดรายพิพาทมีเมื่อทำการรังวัดแล้วมีเนื้อที่ถึง ๑๖-๑-๘๐ ไร่ เจ้าพนักงานที่ออกโฉนดคำนวนเนื้อที่ผิดจำเลยไม่ยอมให้แบ่งส่วนที่เกินนั้นอีกประมาณ ๓ ไร่เศษ ศาลนัดพร้อมแล้วสั่งว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๔๙๖ จดไว้ชัดว่าให้หักที่นางจี่ออกจาก๑๐-๑-๘๐ ไร่เหลือเท่าใดให้แบ่งให้โจทก์จำเลยตามยอม การคำนวนผิดถูกอย่างไรไม่สำคัญ โจทก์จะผันแปรเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ต่อมาโจทก์จึงได้ฟ้องคดีนี้ขอให้เอาเนื้อที่ที่ยังเหลืออยู่ ๓-๒-๔๐ไร่ แบ่งให้โจทก์สองส่วนตามสัญญายอม
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่นอกโฉนดและโจทก์ฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำพิพากษาให้ยกฟ้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยศาลล่างทั้งสองและเห็นสมควรอธิบายด้วยว่าคำร้องของศาลชั้นต้นในคดีเดิมนั้นไมใช่เป็นเรื่องแปลสัญญาประนีประนอมยอมความ หากเป็นคำสั่งเพื่อการบังคับคดีให้ลุล่วงเป็นไปตามคำพิพากษาท้ายยอมเท่านั้นฉนั้นหากเป็นจริงดังโจทก์ว่าแล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับสัญญายอมความ ชอบที่จะให้คู่ความพิสูจน์เนื่อที่ในโฉนดกันก่อนเพื่อจะได้ดำเนินการบังคับคดีให้ตรงกับคำพิพากษาท้ายยอมโดยไม่ต้องฟ้องคดีใหม่ คดีนี้จึงเป็นการฟ้องซ้ำ ศาลฎีกาพิพากษายืน