คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1789/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาจะซื้อตึกแถวพร้อมที่ดินกับโจทก์ โดยผ่อนชำระราคาเป็นงวด การที่โจทก์ส่งมอบตึกแถวและที่ดินให้จำเลยเข้าครอบครองตั้งแต่วันสัญญาเป็นการชำระหนี้บางส่วนแก่จำเลย ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายและเป็นผลให้จำเลยได้ใช้ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาอันได้แก่การที่โจทก์ยอมให้จำเลยใช้ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยจะต้องให้โจทก์กลับคืนสู่ฐานะเดิมด้วยการใช้เงินตามควรค่าแห่งการใช้ตึกแถวและที่ดินนั้น แม้โจทก์จะฟ้องเรียกเป็นค่าเสียหาย แต่ตามสภาพเป็นการชดใช้ค่าที่ยอมให้ใช้ทรัพย์ ศาลก็พิพากษาให้โจทก์ได้รับการชดใช้ได้ ส่วนโจทก์ก็จะต้องคืนเงินค่าตึกแถวและที่ดินที่ได้รับชำระไว้แล้ว ซึ่งเป็นหนี้ต่างตอบแทนและเข้าเกณฑ์ที่จะหักกลบลบกันได้ตามที่โจทก์ขอมาในคำฟ้อง จึงให้จำเลยชดใช้ค่าใช้ตึกแถวนับแต่วันที่จำเลยเข้าครอบครอง โดยหักกลบลบหนี้กับเงินที่จำเลยได้ชำระให้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะซื้อตึกแถวและที่ดินกับโจทก์โดยวางมัดจำและผ่อนชำระเป็นงวด โจทก์ได้ส่งมอบตึกแถวให้จำเลยเข้าครอบครองเรื่อยมาจำเลยไม่ชำระราคาให้ครบ สัญญาเป็นอันสิ้นสุดลง โจทก์ริบเงินมัดจำ จำเลยมีหน้าที่ส่งมอบตึกแถวและชำระค่าขาดประโยชน์ให้โจทก์เป็นค่าเสียหายรวม ๓๗๓,๕๐๐ บาท โจทก์ขอหักกลบลบหนี้กับเงินที่ได้ชำระให้โจทก์แล้ว ๖๗๑,๒๒๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบตึกแถวพร้อมที่ดินที่พิพาทให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบตึกแถวและที่ดินเสร็จให้โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบตึกแถวพร้อมที่ดินคืนแก่โจทกืและให้จำเลยชำระค่าเสียหายนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจำเลยจะส่งมอบตึกแถวและที่ดินคืนแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายนับแต่วันที่จำเลยเข้าครอบครองถึงวันฟ้องด้วย และให้หักกลบลบหนี้กับเงินค่างวดที่จำเลยได้ชำระให้โจทก์แล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวว่า เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายตึกแถวเลขที่ ๔๒๘/๙, ๔๒๘/๑๐ และ ๔๒๘/๑๑ พร้อมที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๕๙๐๐, ๑๐๕๙๐๑ และ ๑๐๕๙๐๒ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ของโจทก์เป็นเงิน ๑,๓๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยวางมัดจำไว้แล้วเป็นเงิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ ๑,๐๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี รวมค่าประกันอัคคีภัย โจทก์ตกลงให้จำเลยผ่อนชำระเดือนละ ๒๐,๓๔๐ บาท โดยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยเมื่อจำเลยได้ชำระราคาที่ดินครบ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๒ โจทก์ได้ส่งมอบตึกแถวและที่ดินให้จำเลยครอบครองในวันสัญญา จำเลยผ่อนชำระเงินแก่โจทก์เป็นเงิน ๖๗๑,๒๒๐ บาท แล้วไม่ชำระ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๒๘ และริบมัดจำ ตึกแถว ๓ ห้อง ที่จำเลยครอบครองนั้น นับจากวันที่จำเลยเข้าครอบครองถึงวันฟ้องคิดเป็นเงินค่าใช้ตึกแถวเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๒๔๙,๐๐๐ บาท
มีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า โจทก์มีสิทธิเรียกเงินค่าที่จำเลยครอบครองตึกแถวและที่ดินนับจากวันที่จำเลยเข้าครอบครองถึงวันฟ้องหรือไม่ เห็นว่า กรณีระหว่างโจทก์จำเลยเป็นเรื่องการที่จะต้องปฏิบัติต่อกันเมื่อมีการเลิกสัญญาจะซื้อขายตามเอกสารหมาย จ.๒ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคแรก บัญญัติว่า เมื่อสัญญาเลิกกัน คู่สัญญาจะต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะเดิม กล่าวคือต่างฝ่ายที่ได้รับสิ่งใดไปในการปฏิบัติตามสัญญาจะต้องคืนให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง และในการที่จะให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะเดิมนี้ มาตรา ๓๙๑ วรรคสาม ยังบัญญัติต่อไปอีกว่า ส่วนที่เป็นการงานอันได้กระทำให้และเป็นการยอมให้ใช้ทรัพย์นั้น การจะชดใช้คืน ให้ทำได้ด้วยการใช้เงินตามควรค่าแห่งการนั้น ๆ ฉะนั้น การที่โจทก์ได้มอบตึกแถวและที่ดินให้จำเลยเข้าครอบครองตั้งแต่วันทำสัญญาในคดีนี้ ซึ่งเป็นการชำระหนี้บางส่วนแก่จำเลย จึงถือว่าเป็นการปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขาย และเป็นผลให้จำเลยได้ใช้ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญา อันได้แก่การที่โจทก์ยอมให้ใช้ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคสาม นั่นเอง ซึ่งจำเลยจะต้องให้โจทก์กลับคืนสู่ฐานะเดิมด้วยการใช้เงินตามควรค่าแห่งการใช้ตึกแถวและที่ดินนั้นตามบทกฎหมายมาตราดังกล่าว แม้โจทก์จะฟ้องเรียกเป็นค่าเสียหาย แต่ตามสภาพเป็นการชดใช้ค่าที่ยอมให้ใช้ทรัพย์ ศาลก็พิพากษาให้โจทก์ได้รับได้ ซึ่งเมื่อปรากฏแล้วว่าค่าใช้ตึกแถวและที่ดินรายนี้ ก่อนฟ้องถึงวันฟ้องคดีเป็นเงิน ๒๔๙,๐๐๐ บาท จำเลยต้องชดใช้เงินจำนวนนี้แก่โจทก์ ส่วนโจทก์นั้นก็ต้องคืนเงินค่าตึกแถวและที่ดินที่ได้รับชำระจากจำเลยไว้แล้วแก่จำเลย และหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยดังกล่าวมีวัตถุแห่งหนี้อย่างเดียวกันและต่างถึงกำหนดแล้ว เข้าเกณฑ์ที่จะหักกลบลบหนี้กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๔๑ ย่อมหักกลบลบกันได้ และหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่จะต้องปฏิบัติการชำระแก่กันนี้เป็นหนี้ต่างตอบแทน ทั้งฝ่ายโจทก์ก็ได้ขอหักกลบลบหนี้มาในคำฟ้องแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาไม่กำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าใช้ตึกแถวก่อนวันฟ้องนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าใช้ตึกแถวนับแต่วันที่จำเลยเข้าครอบครองตึกแถวถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๒๔๙,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ โดยให้หักกลบลบหนี้กับเงินที่จำเลยได้ชำระให้แก่โจทก์แล้ว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share