แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกไปลักทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยเพียงแต่นำรถจักรยานยนต์ไปจอดห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อลักทรัพย์เสร็จได้กลับไปที่รถจักรยานยนต์แบ่งทรัพย์กัน แล้วก็นั่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป กรณียังฟังไม่ได้ว่าเป็นการใช้รถจักรยานยนต์เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสามโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดและพาทรัพย์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามสำนวนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(3)(7)(8), 336 ทวิ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องทั้งสามสำนวน จำคุกสำนวนละ3 ปี ลดโทษให้สำนวนละ 1 ใน 3 คงจำคุกสำนวนละ 2 ปี จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายรายนี้ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การที่จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสาม จำเลยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดและพาทรัพย์ที่ลักไปหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความจากคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยเพียงว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ไปจอดอยู่ห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 1กิโลเมตรแล้วจึงไปลักทรัพย์ผู้เสียหายทั้งสาม เมื่อลักทรัพย์ผู้เสียหายเสร็จ ได้กลับมาที่รถจักรยานยนต์แบ่งทรัพย์กันแล้ว จำเลยกับนายประสงค์ก็ได้นั่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป จึงยังฟังไม่ได้ว่าการที่จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสาม จำเลยได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(1)(3)(7)(8) วรรคสาม, 83 ทั้งสามสำนวน จำคุกสำนวนละ 2 ปีลดโทษให้สำนวนละหนึ่งในสาม คงจำคุกสำนวนละ 1 ปี 4 เดือน โดยให้นับโทษจำเลยทั้งสามสำนวนติดต่อกัน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย