คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213,225 เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 จำคุกคนละ 3 ปีจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้ประจักษ์พยานที่สำคัญคือนายวิชัย ตั้งวงศ์ เจ้าของร้านแผงลอยที่เกิดเหตุ นายวิชัยเบิกความว่านางเหมวรรณผู้เสียหายนำเสื้อผ้ามาขายให้นายวิชัยแล้วก็ออกจากร้านไปเข้าใจว่าจะไปขายที่ร้านอื่นต่อ สักครู่ได้มีชายสองคนมาซื้อไฟฉายที่ร้านนายวิชัยพบกระเป๋าใส่สตางค์ขนาดเท่าฝ่ามือวางอยู่บนกางเกงยีนส์ในร้านจึงถามว่าเป็นของใคร ชายสองคนนั้นอ้างว่าเป็นของตน นายวิชัยเข้าใจว่าเป็นของชายสองคนนั้นจึงมอบให้ไป ชายทั้งสองนั้นออกจากร้านนายวิชัยไปได้ประมาณ 2 นาที ผู้เสียหายก็กลับมาถามหากระเป๋าสตางค์ นายวิชัยเล่าให้ฟังว่าชายสองคนได้เอาไปแล้ว แต่นายวิชัยจำหน้าชายสองคนที่เอาไปไม่ได้ตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุหมาย จ.2 ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำไว้ในวันเกิดเหตุนั้นเองก็ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้สอบถามนายวิชัยตั้งวงศ์ เจ้าของร้านและคนอื่นที่ร้านใกล้เคียงกันต่างยืนยันว่าไม่เห็นคนร้ายไม่ทราบว่าผู้ใดลักไป และก็ไม่เห็นผู้เสียหายวางกระเป๋าเงินไว้ด้วย ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายของ มีผู้คนหลายจำนวนพลุกพล่านยากแก่การลงความเห็นแต่ผู้เสียหายยืนยันว่าคนร้ายที่ลักเงินของตนคือผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมตัวมาได้พนักงานสอบสวนจึงเชื่อตามคำผู้เสียหาย ตามพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวแล้วแสดงว่า พยานโจทก์เองไม่มีผู้ใดจำคนร้ายได้ คงมีแต่คำยืนยันของผู้เสียหายซึ่งผู้เสียหายเองก็ไม่เห็นคนร้าย พยานหลักฐานในคดีจึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์สันนิษฐานเอาจากการที่ธนบัตร 500 บาทที่ค้นในกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่ 1 มีรอยยับยู่ยี่ จึงเชื่อว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายเอาเงินของผู้เสียหายไปนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะเงิน 500 บาทที่ค้นได้ในกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่ 1 นั้นเป็นธนบัตรธรรมดาทั่วไปที่ใคร ๆก็มีได้ ไม่มีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นธนบัตรของผู้เสียหายที่ถูกลักไป และนอกจากธนบัตร 500 บาทนั้นแล้วจำเลยที่ 1 ก็ยังมีเงินอีกถึง 2,000บาทเศษในกระเป๋าใส่เงินของจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานในคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213, 225 เพราะเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยทั้งสอง คืนธนบัตรของกลาง500 บาท ให้จำเลยที่ 1 ไป

Share