แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของจำเลยโดยลงวันที่ก่อนวันที่จำเลยยื่นคำร้อง 1 วัน เป็นที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าศาลชั้นต้นลงวันที่ผิดพลาด เพราะเป็นไปไม่ได้ว่า ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งก่อนวันที่จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งให้เห็นเป็นอย่างอื่น ถือได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่จำเลยยื่นคำร้องนั้นเอง เมื่อมีหมายเหตุท้ายคำร้องว่า จำเลยรอฟังอยู่ถ้าไม่รอถือว่าทราบคำสั่งแล้ว พร้อมลงลายมือชื่อทนายจำเลย ถือว่าจำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๗ , ๙๑
วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๕ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก ๓๐ วัน เป็นครั้งที่สอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๕ (โดยคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๕) จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์พ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลอนุญาตให้ขยาย ไม่รับอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๕ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งออกไป ๒๐ วัน นับแต่วันครบกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งล่วงพ้นเวลาตามกำหนด ให้ยกคำร้อง
ต่อมาวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๕ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๕ ว่าไม่ชอบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า แม้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งเกี่ยวกับคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของจำเลยลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๕ ซึ่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๕ จะลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๕ แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าศาลชั้นต้นได้ลงวันที่ผิดพลาด เพราะเป็นไปไม่ได้อยู่ในตัวว่าศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งในวันก่อนที่จำเลยจะยื่นคำร้องดังกล่าว ทั้งจำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งให้เห็นเป็นอย่างอื่น กรณีย่อมถือได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๔๕ ที่จำเลยยื่นคำร้องนั้นเอง เมื่อตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวมีหมายเหตุท้ายคำร้องว่า “ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว” พร้อมลงลายมือชื่อทนายจำเลย ดังนี้ จึงถือว่าจำเลยทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๕ โดยชอบแล้ว การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในเรื่องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๕ จึงพ้นกำหนดระยะเวลาที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้แล้ว ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๘ วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ จึงไม่มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลย การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและศาลอุทธรณ์ภาค ๗ วินิจฉัยมานั้น จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยไม่มีสิทธิฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้รับอุทธรณ์คำสั่งลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๕ ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ และยกฎีกาจำเลย.