คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายชุ่มบุกรุกเข้าไปในโรงนาและพยายามข่มขืนนางส้มเจียน ๆ ใช้ปืนขู่ ปืนเกิดลั่นถูกนายชุ่ม มีรอยเลือดหยดที่ในโรงนาและที่ปากประตู จำเลยมีเจตนาช่วยเหลือนายชุ่มไม่ให้ต้องได้รับโทษ ได้เอาฟางที่เปื้อนเลือดไปเผาไฟเสีย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๖ ถึง ๗ มกราคม ๒๕๐๕ นายชุ่ม กรรไกร จำเลยในคดีอาญาดำที่ ๑๘๒/๒๕๐๕ ได้บุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพและพยายามข่มขืนกระทำชำเราและแย่งปืนนางส้มเจียน โขระเวก จนปืนลั่นถูกนายชุ่ม กรรไกร มีบาดเจ็บสาหัส โลหิตหยุดอยู่ในที่เกิดเหตุ ต่อมาเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๐๕ จำเลยทั้งสองได้บุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์และเคหสถานของนางส้มเจียน และบังอาจช่วยเหลือนายชุ่ม กรรไกร มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง โดยบังอาจเอาไปเสียและทำลายให้สูญหารหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำผิด โดยเอาฟางข้าวที่โลหิตนายชุ่มหยดอยู่ในที่เกิดเหตุไปเผาทำลายเสีย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๒,๒๖๔,๒๖๕,๑๘๔,๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๔,๑๖๕ ให้ลงโทษตามมาตรา ๑๘๔ ซึ่งเป็นบทหนัก ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๓๐๐ บาทปรับจำเลยที่ ๒ เป็นเงิน ๕๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาได้พิจารณาพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว ได้ความตามคดีอาญาดำที่ ๑๘๒/๒๕๐๕ คดีอาญาแดงที่ ๓๒๕/๒๕๐๕ ว่า ศาลพิพากษาลงโทษนายชุ่มฐานบุกรุกและทำให้ผู้อื่นปราศจากเสียภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๕ และ ๓๐๙ โดยจำเลยให้การรับสารภาพ ส่วนข้อหาฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์คดีถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบว่านายชุ่มเข้าไปในโรงนาและถูกปืนภายในโรงนานั้น นอกจากไม่มีพิรุธแล้ว คดีที่นายชุ่มถูกฟ้องและนายชุ่มให้การรับสารภาพนั้นย่อมสนับสนุนพยานหลักฐานโจทก์อีกชั้นหนึ่ง การนำสืบของฝ่ายจำเลยวที่แสดงว่านายชุ่มถูกยิงนอกโรงนาไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังได้ ศาลเชื่อว่านายชุ่มถูกกระสุนปืนภายในโรงนาแล้วมีโลหิตหยดเป็นทางจากภายในและภายนอกโรงนา และจำเลยทั้งสองได้เอาฟางเปื้อนโลหิตนั้นไปเผาทำลายเสีย
จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาจำเลย

Share