แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาอื่นซึ่งผูกมัดให้จำต้องขายที่ดินของผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาลไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบุตรนายเฮงเจียว แซ่ลี้ และเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 8889 ตำบลทุ่งมหาเมฆ
ขณะจำเลยยังไม่บรรลุนิติภาวะ นายเฮงเจียว แซ่ลี้ บิดาจำเลยได้ทำสัญญาในนามของจำเลยให้โจทก์ออกเงินถมที่ดินแปลงดังกล่าวแล้วจัดแบ่งแยกเพื่อขาย โดยโจทก์และจำเลยจะกำหนดราคาขายกันภายหลัง ขายได้เกินตารางวาละ 650 บาทเท่าไร หักค่าถมดินให้โจทก์และหักค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้วแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลย ฝ่ายใดไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อใด ยอมให้อีกฝ่ายปรับเป็นเงินห้าหมื่นบาท โจทก์ได้ออกเงินค่าถมที่ดิน เสร็จแล้วจำเลยได้ขายที่ดินไปโดยกำหนดราคาเองฝ่ายเดียว เป็นการผิดสัญญา ทำให้โจทก์เสียหายจำเลยต้องถูกปรับตามสัญญา ข้อ 5 เป็นเงินห้าหมื่นบาท และการถมที่ดินทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอีกเจ็ดหมื่นสองพันบาท ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ใช้เงินรวมหนึ่งแสนสองหมื่นสองพันบาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีให้โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยเป็นผู้เยาว์และมีหนี้สินโจทก์ใช้สิทธิอันไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้าทำนิติกรรมตามฟ้องให้ผูกพันทรัพย์จำเลยโดยไม่ได้ขออนุญาตศาล นิติกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะ จำเลยมิได้ผิดสัญญาแต่อย่างใด โจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยจะขายที่ดินของจำเลยราคาตารางวาละ 700 บาท โจทก์ไม่ได้คัดค้าน โจทก์เองเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ถมที่ดินให้ถูกต้องตามระดับที่ตกลงกัน ทั้งราคาดินที่ถมก็ไม่ถึงจำนวนที่โจทก์ฟ้องด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับและค่าถมที่ดินจากจำเลย ในชั้นพิจารณา คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า สัญญาลงทุนถมที่และแบ่งประโยชน์ท้ายฟ้องมีผลผูกพันจำเลยหรือไม่และท้ากันสืบพยานในประเด็นข้อที่ว่า จำเลยได้บอกกล่าวให้โจทก์ทราบก่อนขายที่ดิน และโจทก์ยอมให้ขายหรือไม่โดยขอให้ถือเอาประเด็นข้อนี้เป็นข้อแพ้ชนะ คู่ความไม่ติดใจสืบพยานในประเด็นอื่น
ศาลชั้นต้นสืบพยานตามคำท้าของสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่า สัญญาท้ายฟ้องไม่เป็นสัญญาจะขายที่ดิน จึงผูกพันจำเลย และข้อเท็จจริงที่สืบพยานก็ฟังว่าจำเลยได้บอกกล่าวให้โจทก์ทราบก่อนขายที่ดินแล้วเมื่อโจทก์ไม่คัดค้านทักท้วง ก็เท่ากับยอมให้ขาย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาลงทุนถมที่ดินและแบ่งประโยชน์ท้ายฟ้องเป็นสัญญาผูกมัดให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์จำต้องขายที่ดินของจำเลยซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 บัญญัติความว่า การขายอสังหาริมทรัพย์ ผู้ใช้อำนาจปกครองจะทำนิติกรรมแทนผู้เยาว์ไม่ได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ตามกฎหมายมิใช่มีความหมายเฉพาะแต่เป็นกรณีที่เป็นการขายเสร็จเด็ดขาดเพียงอย่างเดียว แม้เป็นสัญญาจะซื้อขาย หรือเป็นสัญญาอื่นที่ผูกมัดให้ต้องขายที่ดิน ซึ่งมีผลบังคับให้โอนขายที่ดินของผู้เยาว์ ก็ย่อมมีผลทำให้ผู้เยาว์เสียกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการขายนั่นเอง ศาลฎีกาจึงเห็นว่า เมื่อบิดาจำเลยไปทำสัญญารายนี้กับโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ก็เป็นการทำไปโดยปราศจากอำนาจสัญญารายนี้จึงไม่มีผลผูกมัดจำเลย เมื่อสัญญาไม่มีผลผูกมัดจำเลยแล้วโจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีแก่จำเลยตามที่คู่ความตกลงกันไว้ ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงปัญหาอื่นต่อไป
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์